- Details
- Category: CSR
- Published: Wednesday, 07 October 2015 23:42
- Hits: 5687
เอไอเอส หนุนสตาร์ทอัพเต็มสูบ ประกาศผลสุดยอดทีม Tech Startupผู้ชนะเลิศ โครงการ AIS The StartUp 2015รับเงินรางวัล 1,000,000 บาทร่วมเป็น ดิจิทัลพาร์ทเนอร์ พร้อมร่วมโอกาสก้าวสู่ตลาดสากล ทันที!
เอไอเอสตอกย้ำความเป็นหนึ่งด้านสตาร์ทอัพ ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำในอีโคซิสเต็ม ผลักดันพลังไอเดียคนรุ่นใหม่เต็มกำลัง ล่าสุด ประกาศผลสุดยอดทีม Tech StarUp แห่งปี คว้ารางวัลชนะเลิศโครงการ AIS The StartUp 2015รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท ร่วมเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์กับเอไอเอส ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกมิติ เพื่อพัฒนาผลงานออกสู่ตลาดทันที พร้อมปักธง เตรียมส่งออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากลภายใน 3-6 เดือน โชว์ศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยแข็งแกร่งขึ้นมาก พร้อมแข่งขันกับนานาชาติ โดยเอไอเอสได้เตรียมทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพตลอดทั้งโครงการ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท
นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส เปิดเผยว่า “สำหรับ AIS The StartUp 2015 จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จมากขึ้นทุกปี โดยปีนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 1,500 คน หรือ 300 ทีม และคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้าย 10 ทีม เพื่อทำการ Pitching นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ คุณปกรณ์ พรรธนะแพทย์ จากธนาคาร กสิกรไทย, Mr. Oliver Foo จาก Singtel International Group, Mr. Nicholas Foo จาก Samsung Asia, คุณประพันธ์ เจริญประวัติ ประธานตลาดหลักทรัพทย์ เอ็ม เอ ไอ, คุณธนพงษ์ ณ ระนอง จาก InVent เป็นต้น รวมถึงผู้บริหารบริษัทพันธมิตรในแวดวงต่างๆ และนักลงทุนในระดับภูมิภาค รวมกว่า 200 คน
โดยภาพรวมผลงานของสตาร์ทอัพเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก กว่า 80% อยู่ในขั้นตอนพัฒนาบิสิเนส- โมเดลพร้อมต่อยอดทางธุรกิจ และอีก 20% อยู่ในขั้นตอนพัฒนาผลิตภัณฑ์, เตรียมพร้อมออกสู่ตลาด และขยายฐานหาลูกค้าใหม่ ทำให้เห็นว่าขณะนี้ สตาร์ทอัพไทยมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง พร้อมต่อการแข่งขัน มีความโดดเด่นทั้งด้านครีเอทีฟและการสร้างจุดขายที่แตกต่าง รวมถึงมีมุมมองด้านธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถพัฒนาออกสู่ตลาดในประเทศ และต่อยอดสู่ตลาดสากลได้ ประกอบกับสภาพตลาดเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความคุ้นเคยกับบริการดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ฟากธุรกิจเองก็ให้การยอมรับและเชื่อว่า ดิจิทัลจะเข้ามาเอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ ช่วยสร้างรายได้ ขยายตลาด ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจได้จริง เหล่านี้ เป็นแรงส่งเสริมให้เหล่า Startup มีช่องทางและโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบรับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้
จากผลงานทั้งหมดที่ส่งเข้ามามีแนวคิดหลากหลาย ครอบคลุมการใช้งานในทุกรูปแบบ สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิทัล อาทิ
- จำนวนมากที่สุด คือ 32% เป็นบริการประเภท On-demand Economy คือแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถจอง-ซื้อ-ขายผ่านโลกออนไลน์ โดยรองรับสินค้าและบริการเฉพาะกลุ่ม (Niche) มากขึ้น ลงลึกถึงไลฟ์สไตล์ในด้านต่างๆ
- 20% เป็นบริการประเภท Entertainment and Lifestyle เป็นกลุ่มที่ยังคงได้รับความนิยมในทุกยุค
- 14% เป็นกลุ่ม Social Enterprise กิจการเพื่อสังคม เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้ เราเริ่มเห็นบิสิเนสโมเดลที่ลงตัวมากขึ้น สามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมแบบ Win-Win ให้กับ Stakeholder ทุกฝ่าย รวมถึงธุรกิจก็ต้องอยู่รอดได้ด้วย
- 12% เป็นกลุ่ม Fintech ระบบชำระเงินและเทคโนโลยีด้านการการเงิน ปีนี้เป็นปีแรกที่เราได้เห็น Fintech อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ Crowdfunding การระดมทุกบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ภาครัฐกำลังสนับสนุน ผลักดันให้เกิดกฎหมายดิจิทัลที่รองรับธุรกรรมใหม่ๆ
- 8% เป็นกลุ่ม Smart Living, IOT การใช้ประโยชน์ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปยังเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมา ส่วนใหญ่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบและไม่ค่อยมีเวลาของคนเมือง
- 14% เป็นกลุ่มอื่นๆ อาทิ Mobile Ad, ดิจิทัลเกม ฯลฯ
โดยเกณฑ์การตัดสิน ประกอบด้วย 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. ความพร้อมของผลิตภัณฑ์ มี Roadmap ในการทำธุรกิจที่ชัดเจน 2. สามารถต่อยอดธุรกิจในระดับภูมิภาคและแข่งขันในตลาดสากลได้ 3. บุคลากรในทีมต้องมีความรู้ความสามารถ เข้าใจการทำธุรกิจ และมีทักษะในการนำเสนอผลงานที่ดี
ทีมที่ได้รับรางวัลจากโครงการ AIS The StartUp 2015
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม FlowAccount ซึ่งเป็นโปรแกรมบัญชีออนไลน์ แบบใช้งานง่ายๆ เหมาะสำหรับ SMEs ขนาดเล็ก ได้รับรางวัลเงินสด 1,000,000 บาท จากเอไอเอส และ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ จาก Samsung Asia
รางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Socialgiver ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการแบ่งปัน ที่ทำให้คุณได้ทั้ง 'ช้อป' และ 'ช่วย' สังคมไปได้พร้อมๆกัน ได้รับรางวัลเงินสด 2,000 เหรียญสหรัฐฯ จาก Samsung Asia
พร้อมกันนี้ ทั้ง 2 ทีมจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงาน Regional Operator Workshop ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนตุลาคม 2558 และเข้าร่วมการแข่งขัน Regional Challenge ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในเดือนธันวาคม 2558 และ
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังมอบรางวัลพิเศษ Best FinTech StartUp Award ให้แก่ ทีม Choco Card ซึ่งเป็นบัตรสมาชิกสะสมแต้ม ที่รวบรวมหลากหลายธุรกิจเข้าด้วยกันในบัตรเดียว ได้รับรางวัลเงินสด 100,000 บาท
“สำหรับแผนการสนับสนุนทีมผู้ชนะต่อไป คือ การร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ และวางแผนทางธุรกิจการตลาด เพื่อ Scale to Market ออกให้บริการ และขยายสู่ตลาดสากล ภายในเวลา 3-6 เดือน นอกจากนี้ เอไอเอสยังมีนโยบายให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพทุกทีมที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอไอเอสอย่างเต็มที่ในทุกมิติ โดยเอไอเอสได้เตรียมทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพตลอดทั้งโครงการ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีทีมสตาร์ทอัพได้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่กระบวนการทดสอบตลาด และออกให้บริการแล้ว จำนวน 11 ทีม ได้แก่ ShopSpot, Infographic Thailand, Aommoney, Noonswoon, The Trippacker, fourleaf, golfdigg, local alike, StockRadars, AIS U Academy, BentoWeb โดยทั้งหมดนี้ มีมูลค่าบริษัทรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงทุกทีมได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติร่วมลงทุนแล้ว เป็นการวัดผลความสำเร็จของโครงการได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนทีมทั้งหมดที่เข้ามาสู่ขั้นตอน Guideline ธุรกิจ ถือเป็นมากกว่า 80% ที่อยู่รอดและดำเนินธุรกิจร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ จากการจัดกิจกรรม AIS The StartUp 2015 ในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าคอมมูนิตี้ของเหล่าสตาร์ทอัพในเมืองไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ บุคลากรทางด้านนี้มีศักยภาพมาก ไม่แพ้ชาติอื่นๆ วันนี้ที่เอไอเอสได้ก้าวสู่การเป็น Digital Life Service Provider อย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่ม Startup ได้อย่างแพร่หลายและหลากหลายมิติมากขึ้น เอไอเอสขอยืนยันว่า เราพร้อมที่จะส่งเสริมและอยู่เคียงข้างธุรกิจ Startup ผลักดันให้ก้าวสู่การเป็น “ดิจิทัลพาร์ทเนอร์มืออาชีพ” ร่วมทำธุรกิจกับเอไอเอสและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ส่งมอบบริการสู่ลูกค้าเอไอเอส และแข่งขันในตลาดสากลเพื่อประเทศไทยของเราต่อไป” นายปรัธนาสรุป
AIS Goes All Out to Support Start-ups, Announcing the Top Tech Startup Team of the “AIS The StartUp 2015” Project Who Win a Prize of 1,000,000 Baht and a Chance to Become a Digital Partner with AIS in a Debut on the International Market
AIS reaffirms its top position for startup support, uniting leading allies in the ecosystem to fully promote the ideas of the new generation and declare the top tech startup of the year as the winner of the AIS The StartUp 2015. The winner will take a prize of 1,000,000 baht and become a digital partner with AIS to enjoy full support in getting their work ready for the market right away. And we are ready to signal the international launching of new products within 3-6 months. This is to show that Thai startups are stronger, have greater potential and are ready to compete on the global arena. In all, AIS has supported startups throughout the entire project with over 100 million baht.
Mr.Pratthana Leelapanang, Executive Vice President Marketing of AIS, reveals, “AIS The StartUp 2015 is the fifth consecutive project of its kind. We consider it more successful every year. This year, over 1,500 people, or 300 teams, signed up for the project. The final ten were selected to pitch their work to the committee composed of experts, namely, Mr. Pakorn Partanapat, Senior Executive Vice President from KASIKORN BANK; Mr. Oliver Foo from Singtel International Group; Mr. Nicholas Foo from Samsung Asia; Mr. Prapan Charoenprawatt, President-Market for Alternative Investment (MAI); Mr. Thanapong Na-Ranong from InVent, etc., including over 200 executives from allies in various fields and regional investors.
Overall results of the startups have been very satisfactory. Over 80 percent are in the process of developing business models to further businesses, and the remaining 20 percent are currently developing products, getting ready for launching on the market and extending new customers. It is clear that Thai startups are now strong, prepared to compete and ready to shine in terms of creative areas and differentiation. They also have clearer business outlooks and target groups. They can market domestically and expand abroad. Moreover, the broader market environments provide consumers with easier access to the internet, making them more and more familiar with digital services. The business sector has also accepted and become convinced that the digital environment will facilitate business, generate income, expand markets, reduce costs and truly improve business effectiveness. All of these support startups with new channels and opportunities to develop products that successfully respond to future trends.
So, all of the diverse products submitted, which cover all functions and concur with the digital lifestyle, are as follows:
- 32% - on-demand economy services. The number is highest in this category, this platform is the most facilitative to consumers in making reserves-purchases-sales online, with guaranteed larger niches that deeply permeate different lifestyles.
- 20% - entertainment and lifestyle services. This group remains popular with every age group.
- 14% - social enterprises; these businesses are for society. They are attracting more interest and increasing every year. This year we have seen a more balanced business model, one capable of producing win-win solutions for stakeholders, including businesses that need to survive.
- 12% - fintechs, payment systems and financial technologies. This year we have seen fintech in shape and form, such as online crowd funding, which is currently supported by the state. New digital laws are being created to support new transaction types.
- 8% - smart living, IOT, groups, effective utilization of the internet with electronic sensors. It’s a rapidly growing trend. Most provide solutions are for lifestyles in the fast lane of urban residents.
- 14% belongs to other groups, e.g., mobile ads, digital games, etc.
The three primary decision criteria are as follows: 1. Readiness Product – a clear business road map; 2. Room for growth on regional and international levels; 3. Skilled and capable team members who understand business and have good presentation abilities.
AIS The StartUp 2015 Winning teams:
The First-Prize Winner is FlowAccount, Easy to use cloud accounting solution for small businesses. who receive 1,000,000 baht in cash from AIS and 2,000 USD from Samsung Asia.
The Runner Up is Socialgiver, Socialgiver.com offers special rates from top brands across Thailand while your money supports charity projects that are changing lives. who receive 2,000 USD from Samsung Asia.
Together, both teams are granted to attend the Regional Operator Workshop in Singapore in October 2015 and participating in the Regional Challenge at Jakarta, Indonesia, in December 2015. And
In addition, KASIKORN BANK will also grant Choco Card, A loyalty card uniting all rewards cards into one. a special “Best FinTech Startup Award” prize of 100,000 baht.
“As for the plan to further support the winning teams, products will be co-developed and planned for business marketing aimed at scaling to the market, launching services and reaching the international market within 3-6 months. Furthermore, AIS also has policy to support every startup team in becoming business allies with AIS in every aspect with budget support of over 100 million baht throughout the entire project for startups. Accordingly, over the past four years, a total of 11 teams have passed selection market trials and achieved service launches. These are ShopSpot, Infographic, Thailand, Aommoney, Noonswoon, The Trippacker, Fourleaf, Golfdigg, Local Alike, StockRadars, AIS U Academy, BentoWeb. In all, the value of these companies exceeds 1 billion baht. Every team has already got the funding from Thai and foreign investors. When comparing all of the teams entered in the business guideline process, more than 80% have survived and are still operating with us today, which is a good indicator of the project’s success.
Thus, the AIS The StartUp 2015 activities show that startup communities in Thailand are growing stronger every year. These people are highly capable and lost to no one. Now AIS has moved forward as a full-fledged digital life service provider. This will create new opportunities for startups in developing a broader range of products. AIS affirms its readiness to promote and stand beside startup businesses as professional digital partners who can do business with AIS and sustainably grow side by side in delivering services to AIS customers and competing in the international market for Thailand,” Mr. Pratthana concluded.
รางวัลสำหรับผู้ชนะจากโครงการ AIS The StartUp 2015
รางวัลผู้ชนะเลิศ
· รางวัลเงินสด 1,000,000 บาท จาก AIS
· เงินสด 2,000 USD จาก Samsung Asia
· ค่าเดินทางไป - กลับ และที่พัก สำหรับการเข้าร่วมงาน Regional Operator Workshop ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนตุลาคมนี้ และสำหรับการเข้าร่วมงาน Final Regional Challenge ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
· Microsoft Biz Spark Plus มูลค่า 120,000 USD
· ผลงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ชนะจะได้รับการพัฒนาและนำเสนอทางพาณิชย์ผ่านช่องทาง AIS App Space พร้อมรับการสนับสนุน AIS Marketing Fund หรือ สื่อทางการตลาดจาก AIS
รางวัลรองผู้ชนะ
· เงินสด 2,000 USD จาก Samsung Asia
· ค่าเดินทางไป - กลับ และที่พัก สำหรับการเข้าร่วมงาน Regional Operator Workshop ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนตุลาคมนี้ และสำหรับการเข้าร่วมงาน Final Regional Challenge ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
· Microsoft Biz Spark Plus มูลค่า 120,000 USD
· ผลงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ชนะจะได้รับการพัฒนาและนำเสนอทางพาณิชย์ผ่านช่องทาง AIS App Space พร้อมรับการสนับสนุน AIS Marketing Fund หรือ สื่อทางการตลาดจาก AIS
รางวัลพิเศษ Best FinTech StartUp Award โดยธนาคารกสิกรไทย
· รางวัลเงินสด 100,000 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส
สุดาพร วัชรนิศากร โทร. 02 029 4127 [email protected]