- Details
- Category: CSR
- Published: Wednesday, 17 December 2014 11:20
- Hits: 3820
ดีเอชแอล จัดอบรมเตรียมความพร้อมก่อนการประกอบอาชีพ ให้แก่มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้โครงการ 'ค่ายต้นกล้า…พัฒนาเยาวชนสู่โลกการทำงาน'
ดีเอชแอล ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ได้แสดงจุดยืนของบริษัทที่ประสงค์จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมในท้องถิ่นต่างๆ ขึ้นอีกครั้ง ด้วยการจัดกิจกรรมอบรมการเตรียมความพร้อมก่อนการประกอบอาชีพเป็นเวลา 3 วัน ภายใต้โครงการ ‘ค่ายต้นกล้า…พัฒนาเยาวชนสู่โลกการทำงาน’สำหรับเยาวชนกว่า 20 คนจากมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
การอบรมครั้งนี้รวมถึงการเตรียมความพร้อมในแง่ของทักษะและบุคลิกภาพ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ใช้เพื่อการสัมภาษณ์เข้างาน การบรรยายจากวิทยากรและผู้บริหารของดีเอชแอล เพื่อให้คำแนะนำและเคล็ดลับในการประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงการสร้างบุคลิกภาพให้โดดเด่น
ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “ดีเอชแอล ประเทศไทยแสดงเจตจำนงอย่างจริงจังที่จะสนองรับต่อความต้องการทางด้านการศึกษาของเยาวชนด้อยโอกาสในประเทศไทย เยาวชนเหล่านี้ต่างมีความใฝ่ฝัน ความทะเยอทะยาน ความอุตสาหะและความสามารถกันทั้งนั้น ขาดแต่ความช่วยเหลือ การชี้แนะแนวทางในการประกอบอาชีพ และการฝึกอบรมเตรียมพร้อมเพื่อการทำงาน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เรามีความเชี่ยวชาญและพร้อมที่จะหยิบยื่นโอกาสให้เยาวชนเหล่านี้”
การแนะแนวอาชีพ การให้คำปรึกษา การฝึกอบรมงานที่จัดโดยดีเอชแอล รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์และการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ทางด้านการศึกษาสำหรับเยาวชนจากมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ในนั้น ล้วนสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ส่งเสริมความรู้และทักษะต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิตของพวกเขาในการประสบความสำเร็จในประเทศที่กำลังพัฒนา ท่ามกลางการแข่งขันสูงในการหางานและประกอบอาชีพ
โทมัส ทีเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล โกลเบิล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียใต้ เผยว่า “ในระดับสากลนั้น โครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ของเราชื่อ GoTeach ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงานให้แก่เยาวชน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมในการประกอบอาชีพในอนาคตอันใกล้ หน้าที่ของเราจึงเปรียบเสมือนเป็นการช่วยเหลือเยาวชนที่มีพื้นเพแตกต่างกัน ให้ได้พัฒนาตนเองและช่วยกระตุ้นให้พวกเขาแสดงความสามารถและทักษะต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางด้านอาชีพ”
เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม กล่าวเสริมว่า “เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้พัฒนาและจัดโครงการอันเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ที่ล้วนได้รับการออกแบบให้สอดรับกับความต้องการของเยาวชนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทเราทั่วทุกมุมโลก ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จนั้นมาจากความร่วมมือร่วมใจอย่างแน่นแฟ้นของพนักงานดีเอชแอล ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ในทุกขั้นตอน ความคิดเห็นของพนักงานถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เราเริ่มจากการนำเสนอความคิดที่ว่าแต่ละคนจะสามารถช่วยอะไรหรือทำอย่างไรได้บ้าง และพนักงานทุกคนก็ทำงานด้วยใจรัก ตามแนวทางที่เราวางไว้ร่วมกัน จนนำไปสู่ความสำเร็จที่เพิ่มพูน”
ดีเอชแอล สร้างสรรค์สังคมร่วมกับมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะหยิบยื่นโอกาสให้กับเยาวชนที่มีอายุอยู่ในช่วง 15-25 ปีบริบูรณ์ เพิ่มโอกาสการจ้างงานภายหลังจากจบการศึกษา เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตนเอง และพึ่งพาตนเองได้ต่อไปในอนาคต นอกเหนือจากโครงการ GoTeach ของดีเอชแอลนั้น ทางบริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับโครงการอื่น ๆ เช่น GoGreen ที่เป็นโครงการเพื่อการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม และ GoHelp ซึ่งเป็นโครงการเยียวยาและป้องกันเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น
มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กไทยที่ขาดบิดา มารดา ไร้ญาติมิตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 ซึ่งเด็กจะมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกครั้ง โดยได้รับความรัก ความอบอุ่นจากแม่โสสะ ได้รับการศึกษาสูงสุดตามความสามารถ ปัจจุบันมูลนิธิเด็กโสสะฯ ให้การเลี้ยงดูเด็ก ๆ จำนวน 700 คน ในหมู่บ้านเด็ก 5 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ หมู่บ้านเด็กโสสะบางปู สมุทรปราการ, หมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่ สงขลา, หมู่บ้านเด็กโสสะหนองคาย, หมู่บ้านเด็กโสสะเชียงราย และหมู่บ้านเด็กโสสะภูเก็ต โดยมีเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวโสสะ จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ออกไปประกอบชีพเลี้ยงดูตนเองและอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุขกว่า 500 คน
