- Details
- Category: CSR
- Published: Monday, 28 December 2020 19:20
- Hits: 2564
โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย เปิดตัวโครงการลดขยะอาหาร ‘WasteWatch’ (เวสท์วอทช์)
รณรงค์ลดความหิวโหยและภาวะโลกร้อน พร้อมเป้าลดขยะอาหารทั่วโลก 50% ภายใน 5 ปี
คุณทราบหรือไม่ว่าปัจจุบัน 1 ใน 3 ของอาหารที่ถูกผลิตในโลกนั้นกลายเป็นขยะอาหาร
และ 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลมาจากขยะอาหารในแต่ละวัน
โซเด็กซ์โซ่ บริษัทผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรจากประเทศฝรั่งเศส ผู้นำการบริการด้านอาหารระดับโลก รวมทั้งได้เปิดให้บริการในประเทศไทยมากกว่า 16 ปี ได้เปิดตัวโครงการ “WasteWatch” ที่มุ่งมั่นในการลดขยะอาหาร รวมทั้งช่วยสนับสนุนการขจัดความหิวโหยและช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดจำนวนขยะอาหารและการสูญเสียอาหารระหว่างขั้นตอนการผลิตลงถึง 50% ภายในปี พ.ศ.2568
โครงการ “WasteWatch” เป็นโครงการที่ โซเด็กซ์โซ่ ทั่วโลก ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับบริษัท Leanpath กลุ่มผู้นำธุรกิจที่ได้มาตรฐานสูงสุดในการบริหารจัดการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมระดับโลก รวมทั้งมุ่งมั่น ในการลดขยะอาหารประจำวันในครัวโลก เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยี และแอปพลิเคชันที่ทันสมัย ปัจจุบัน โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ได้เริ่มนำร่องโครงการ “WasteWatch” นี้ โดยนำไปบริหารจัดการให้กับกลุ่มลูกค้าในหน่วยงานสถานพยาบาลและโรงเรียนนานาชาติชั้นนำในเมืองไทยแล้ว 7 แห่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้มีการลดปริมาณขยะอาหารในองค์กรของลูกค้าแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนรัฐบาล ในการบริหารจัดการในโครงการ Food Waste Managent ทีมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ต้องการบริการจัดการ เรื่องการสูญเสียอาหารและลดปริมาณขยะอาหารอย่างยั่งยืน
มีแนวทางในการปฏิบัติในแนวทางมาตรฐานเดึยวกัน
ช่วยลดต้นทุนในการผลิตอาหารในแต่ละวัน
คุณอาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า “ความหิวโหยและปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนในวันนี้ นับเป็นวิกฤติระดับโลกที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ภายใต้การเพิกเฉยต่อขยะอาหาร ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน ดังนั้นในฐานะที่ โซเด็กซ์โซ่ เป็นผู้นำการบริการด้านอาหารระดับโลก ซึ่งเราได้ตระหนักถึงปัญหาระดับโลกนี้มาตลอดเวลา และวันนี้เราได้เร่งปฎิบัติในการต่อสู้กับขยะอาหาร เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติที่กำลังอยู่ในท่ามกลางความหิวโหยทั่วโลก ด้วยการปรับใช้จากโครงการ “WasteWatch” อย่างรวดเร็วสำหรับการบริหารจัดการให้แก่ลูกค้าของโซเด็กซ์โซ่ทั่วโลก ในขณะเดียวกันเรายังมุ่งมั่นในการเพิ่ม ขีดความสามารถให้ก้บลูกค้าและผู้บริโภคที่เราให้บริการ รวมทั้งติดตามขยะอาหารในสถานที่ที่เราให้บริการ ว่ามีมากน้อยเพียงใด และจะเผยแพร่ตัวเลขเหล่านี้ต่อสาธารณะเพื่อเป็นการกระตุ้นให้การทำงานของเรา มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โซเด็กซ์โซ่ ได้มุ่งมั่นที่จะใช้โปรแกรมจากโครงการนี้เพื่อนำไปใช้ในการบริการจัดการ ให้กับลูกค้ารายอื่นๆ ในอนาคต”
ด้านเชฟจิรโรจน์ นาวานุเคราะห์ (เชฟป็อบ) National Executive Chef โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า “การทำงานของโปรแกรมในโครงการ “WasteWatch” สามารถตอบโจทย์ช่วยเร่งการรณรงค์และจัดการ กับขยะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้วยังสามารถสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในด้านเศรษฐกิจด้านการลดต้นทุน ด้านสิ่งแวดล้อมในการลดภาวะโลกร้อน ด้านสังคมเพื่อช่วยลดจำนวนผู้หิวโหยทั่วโลก และด้านกฎปฏิบัติในธุรกิจที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีแนวทางที่ถูกต้อง และเนื่องจากโครงการ “WasteWatch” นี้เป็นแนวทางการบริการด้านอาหารแนวใหม่ ดังนั้น ทีมเชฟ และนักโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการ บริหารจัดงานของโซเด็กซ์โซ่ จึงจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมและมีการสนับสนุนให้คิดอย่างสร้างสรรค์ตามวิธีที่บริษัทฯ ได้วางแผนการทำงานไว้ และเสิร์ฟอาหารเพื่อลดขยะที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งแนวทางการทำงานจาก “WasteWatch” นี้จะช่วยป้องกันการสูญเสียอาหารโดยเฉลี่ย 50% ทีมงานของโซเด็กซ์โซ่สามารถเก็บข้อมูลของขยะอาหารในแต่ละวัน แต่ละครัว ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจน ทำให้ทีมงานเกิดความเข้าใจ และสามารถนำไปปรับใช้การดำเนินงาน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ตามเป้าหมาย เพื่อช่วยลดขยะอาหาร ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นขยะอาหารที่เกิดในครัวหรือขยะอาหารจากผู้บริโภคเองก็ตาม”
การลดขยะอาหารโดยการวัด การจัดการ เพื่อควบคุมขยะอาหารในแต่ละมื้อด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจาก Leanpath
ผู้นำธุรกิจด้านการบริหารจัดการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานสูงสุดระดับโลก
โซเด็กซ์โซ่ ได้วางกลยุทธ์และการดำเนินงานของโครงการ “WasteWatch” ไว้ดังนี้
• การส่งมอบเป้าหมายการลดขยะอาหารโดยการวัด การจัดการ และการควบคุมขยะอาหาร
• การมีส่วนร่วมระหว่างเจ้าของธุรกิจและผู้บริโภคผ่านการรายงานข้อมูลของขยะอาหาร
• การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะพนักงานจะใช้เวลาน้อยลงในการจัดการกับขยะของเสีย
• ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดผลกระทบต่อน้ำ พลังงาน และสภาพภูมิอากาศ
• ลดการซื้ออาหาร และทิ้งอาหารน้อยลง
• ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ เพราะขยะอินทรีย์จะลดน้อยลง
จะเห็นได้ว่า การลดขยะอาหารนั้นสามารถช่วยกันสนับสนุนได้ทั้งจากผู้ผลิตอาหารและผู้บริโภคอาหาร และเพื่อ ช่วยลดความหิวโหยของเพื่อนมนุษย์ทั่วโลก ลองหันมาร่วมมือร่วมใจกันเริ่มลงมือตั้งแต่วันนี้เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน
A12971
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ