- Details
- Category: กลต.
- Published: Tuesday, 10 January 2017 22:22
- Hits: 9183
ก.ล.ต.เปิดแผน 3 ปี ชู 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนตลาดทุนด้วยเทคโนโลยี-นวัตกรรมเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต.ในระยะ 3 ปี (ปี 60-62) เน้น 4 ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนตลาดทุน ได้แก่ 1.การใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน 2. การส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่น่าสนใจสำหรับกิจการในประเทศและภูมิภาค 3. สร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้สถาบันการเงินและกิจการเสนอสินค้าและบริการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง และ 4. พัฒนาเครื่องมือสำหรับให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นพลังสำคัญในตลาดทุน
ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน พร้อมยกระดับสู่การเป็นตลาดทุนแห่งภูมิภาค ตลอดจนมุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดทุน เพิ่มคุณภาพและช่องทางของผู้ระดมทุน สร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้แข่งขันในระดับสากล ที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินโลกมากขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสแก่ธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทางการเงิน และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
นอกจากนี้ ยังสอดรับกับการที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ หลักประกันทางรายได้ยังไม่เพียงพอ ตลาดทุนจึงควรสนับสนุนให้เห็นความจำเป็นของการออมและการลงทุน โดยเป็นช่องทางในการลงทุนที่เหมาะกับความต้องการ
นายรพี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์แรก เป็นเรื่องการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน เป็นยุทธศาสตร์ที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการก้าวไปสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค โดยการเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูล มีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม มีโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดต้นทุนการกำกับดูแลให้แก่ภาคธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีในการกำกับดูแล และการมีระบบที่มั่นคงเพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นเรื่องการส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่น่าสนใจสำหรับกิจการทั้งในประเทศและภูมิภาค โดยสร้างความชัดเจนในงานการกำกับดูแลผู้ระดมทุน ครอบคลุมการคัดกรองก่อนระดมทุน การติดตามการซื้อขายและการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเพื่อการยอมรับในระดับสากล เพิ่มความน่าสนใจให้แก่สินค้าในตลาดทุนไทย ขจัดอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ให้ตลาดทุนไทยพร้อมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและตลาดทุนของประเทศเพื่อนบ้าน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 เกี่ยวกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้สถาบันการเงินและกิจการเสนอสินค้าและบริการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง ยกระดับการทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือและคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้ทุกภาคส่วนเห็นประโยชน์ของการมีธรรมาภิบาลในธุรกิจตน และปฏิบัติตามด้วยตัวเองมากกว่าที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงวิธีการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทแม่
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาเครื่องมือสำหรับให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นพลังสำคัญในตลาดทุน โดยการให้ความรู้ผู้ลงทุนผ่านเครื่องมือและตัวช่วยในการตัดสินใจ ไม่ถูกหลอก และรู้จักเรียกร้องสิทธิที่พึงได้ มีตัวกลางที่ให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระ ตลอดจนการพัฒนากลไกการระงับข้อพิพาทและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
นายรพี กล่าวว่า กระแสฟินเทคที่กำลังเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากให้กับวงการตลาดเงินและตลาดทุน โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำให้การบริหารจัดการมีต้นทุนที่ต่ำ โดยจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเป็นตัวช่วยที่จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเข้ามาช่วยในแง่ของการประมวลข้อมูลต่างให้กับนักลงทุน ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต.จะสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในตลาดทุนทั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และบล็อคเชน (Block Chain) เพื่อให้ต้นทุนลดลง จนผู้ลงทุนทุกระดับสามารถเข้าถึงบริการและข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่จำกัดเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น และจะช่วยให้การชำระและการส่งมอบเปลี่ยนมือง่าย และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟินเทคจะเป็นประโยชน์ต่อวงการตลาดทุน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จะต้องมีการพัฒนากฏเกณฑ์ออกมา อย่างเช่น การให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับฟินเทคทดลองการให้บริการใน Block Chain เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างที่ ก.ล.ต.จะสามารถนำมาเป็นแบบอย่างเพื่อออกกฏเกณฑ์ เพราะ Block Chain เปรียบเสมือนการจำลองสถานการณ์ในการทำงานและการให้บริการของฟินเทค
"ปัจจุบันถือว่ากระแสฟินเทคเป็นเรื่องใหม่ของวงการตลาดทุนประเทศไทยที่หลายๆคนยังไม่เกิดความเข้าใจ อย่างไรก็ก.ล.ต.ก็จะมีการให้ความรู้กับผู้ลงทุนในฟินเทค เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า"นายรพี กล่าว
นอกจากนั้น การมองหาผลตอบที่สูงขึ้น (search for yeild) เริ่มมีกระแสเข้ามาในภาวะปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่ง ก.ล.ต.มองว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่เกิดขึ้นจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำและปรับเพิ่มเพียงเล็กน้อย ทำให้ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดย ก.ล.ต.คาดหวังให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ออกผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและนักลงทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
"ผมมองว่าถึงดอกเบี้ยจะเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะขึ้นน้อยและจะขึ้นจากฐานที่ต่ำ เพราะฉะนั้นในระยะยาวความต้องการของคนยังต้องการสินค้าทางการเงินที่ตอบโจทย์การลงทุนยังมีอยู่แน่นอน ขณะเดียวกันยังมีการเปิดโอกาสให้นักลงทุนในประเทศไทยมีการไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น และให้มีการบริการทางการเงินเข้ามาเสริมในประเทศไทย เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับทูกค้า"นายรพี กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่ ก.ล.ต.จะยังคงเน้นและให้ความสำคัญต่อไป คือ เรื่องบรรษัทภิบาล (CG) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนมีความยั่งยืน ซึ่งก.ล.ต.ยังมีความตั้งใจที่จะสร้างแรงขับให้ผู้ประกอบการมีกระบวนการเกี่ยวกับบรรษัทภิบาลที่ดี ส่วนแนวทางการกำกับดูแลที่อยู่ในแผนของก.ล.ต. มองว่าการออกหลักเกณฑ์ไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด แต่หลักเกณฑ์ของก.ล.ต. มีไว้ควบคุมได้ไนระดับหนึ่ง และในทางกลับกัน ก.ล.ต.ก็กลับมาดูว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่มีมากเกินไปหรือไม่ ถ้ามากไปก็อาจมีการผ่อนคลายบางเกณฑ์ได้
"กฎเกณฑ์ที่ออกจะโฟกัสที่จุดที่สำคัญมากขึ้น และจะลดกฎเกณฑ์ที่ล้าสมัย เช่น เกณฑ์ที่บังคับให้บริษัทต้องมีทุนจดทะเบียนที่สูง ไม่ว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่เกณฑ์ใหม่จะให้ตัดเรื่องทุนจดทะเบียนออกไปก่อนในช่วงต้น" นายรพี กล่าว
อินโฟเควสท์