- Details
- Category: กลต.
- Published: Tuesday, 26 January 2016 14:10
- Hits: 2290
สนธิญาณ ร้อง ปปช.ให้เอาผิดเลขา ก.ล.ต.
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ NMG ได้ยื่นหนังสือร้อง ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
สืบเนื่องจากกรณีที่ประธาน และคณะกรรมการบริหารบริษัท NMG มีคำสั่งขัดขวาง ห้ามไม่ให้ตัวแทนของ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท NMG เป็นจำนวน 15,000,000 หุ้น และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นอีกหลายราย เข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 โดยมิชอบด้วยกฏหมาย และเป็นข่าวสารท่ีสนใจของประชาชนและนักลงทุนทั้งหลาย
ซึ่งในกรณีนี้คณะกรรมการบริษัท NMG ได้ทำหนังสือถึง ตลท. ยอมรับข้อเท็จโดยชัดแจ้งว่ามีการห้ามและขัดขวางการเข้าประชุมของผู้ถือหุ้นบางรายจริง จึงเป็นการกระทำความผิดต่อกฏหมายตาม พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม อันเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญามาตรา 89/7 มาตรา 281/2
จากนั้นปรากฏว่ามีผู้ถือหุ้นอีกหลายรายที่ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมประชุมได้ร้องเรียนต่อ เลขาธิการสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่นายรพี สุจริตกุล เลขาฯ ก.ล.ต. ได้แถลงข่าวในวันที่ 5 มิถุนายน 2558 ว่าเรื่องการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ก.ล.ต. คงยุ่งไม่ได้ และนายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาฯ ก.ล.ต. ก็กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ก.ล.ต. จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และ ต.ล.ท. ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวว่าผิดกฏหมายหรือกฏเกณฑ์หรือไม่ แต่เบื้องต้นเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม
แต่ตามข้อกฎหมายท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้บัญญัติไว้ว่า ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 19 คือกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติ และดำเนินการบังคับใช้กฏหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ เมื่อประธานและคณะกรรมการบริษัท NMG กระทำความผิด ก.ล.ต. ก็ต้องดำเนินการบังคับใช้กฏหมายกับผู้กระทำความผิดเพื่อคุ้มครองนักลงทุน ดังนั้น การที่ นายระพี สุจริตกุล กล่าวว่า ก.ล.ต. คงยุ่งไม่ได้ และนายชาลี จันทนยิ่งยง กล่าวเพียงว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมนั้นส่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันมีโทษอาญาตามมาตรา 19 อย่างชัดเจน
และต่อมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เผยแพร่ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 91/2558 ว่า กรมพัฒนาธุรกิจ ได้แจ้งผลการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัดฯ แล้วว่า ประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจที่จะไม่อนุญาตหรือขัดขวางไม่ให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 33, มาตรา 102 และมาตรา 105 แห่งพ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัดฯ ซึ่งเท่ากับว่า ก.ล.ต. ก็ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฏหมาย แต่นายระพี กลับแถลงข่าวว่า หากพบว่ามีการไม่ปฏิบัติตามมาตราดังกล่าว จะต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินจำนวนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่ได้รับแต่ไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท เป็นการสรุปว่าต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่งเท่านั้น ทั้งๆ ที่ลักษณะการกระทำผิดของประธานและคณะกรรมการบริหารบริษัท NMG แท้จริงแล้วมีลักษณะเป็ยการกระทำผิดโดยทุจริต ซึ่งต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ตามมาตรา 281/2 วรรคสอง
ต่อมาในวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ก.ล.ต.ได้เผยแพร่ข่าวฉบับที่ 136/2558 แถลงว่า ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา ในฐานะประธานกรรมการบริษัท และประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น NMG ประจำปี 2558 ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมและห้ามผู้ถือหุ้นบางรายออกเสียงลงคะแนนในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น NMG ประจำปี 2558 เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ตามกำหนดในมาตรา 89/2 อันเป็นเหตุให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง ซึ่งดำเนินการกล่าวโทษเฉพาะ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา แต่เพียงผู้เดียว
กรณีนี้ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน มีเจตนาละเว้นที่จะไม่ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงใดๆ เพื่อพิสูจน์ความผิดของคณกรรมการบริหารคนอื่นๆ ซึ่งนายสนธิญาณ ในญานะผู้ถือหุ้นท่ีเป็นผู้เสียประโยชน์เห็นว่าการสอบสวนดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงผู้กระทำความผิดอื่นๆในฐานะตัวการการร่วม หรือผู้สนับสนุนครบถ้วนแล้วหรือไม่เพราะพฤติการณ์และลักษณะการกระทำผิด ก่อนเกิดเหตุนั้น บริษัทNMGมีนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร จึงควรมีการสอบสวนว่าได้มีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า ด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลในวันที่ 28 เมษายน 2558 ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพียงวันเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นายสุทธิชัยฯ ได้มีการเตรียมวางแผนให้นายณิทธิมนฯ เข้าเป็นประธานกรรมการแทน เพื่อทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นนายณิทธิมนฯ เป็นเพียงกรรมการที่ไม่มีอำนาจลงนามกระทำการแทนบริษัท ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้นายณิทธิมนฯ เป็นผู้มีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมโดยยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
แต่โดยข้อเท็จจริงในวันที่ดำเนินการประชุม นั้นนายสุทธิชัยฯ และคณะกรรมการบริหารบริษัททุกคนได้นั่งประจำที่เข้าร่วมประชุมแต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงอาการท้วงติงหรือห้ามปรามนายณิทธิมนฯ ที่มีคำสั่งห้ามผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตตนาเห็นชอบกับการกระทำครั้งนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นการกระทำผิดแบบเป็นกระบวนการ มีการตระเตรียมแผนการล่วงหน้า และเป็นตัวการร่วมทุกคน ที่สำคัญ นายสุทธิชัยฯ และ นายณิทธิมนฯ รวมถึงกรรมการบริหาร MNG ทุกคนที่มีลักษณะกระทำการทุจริต เพราะมีกรรมการบริษัท 3คน ที่ต้องมีวาระพ้นจากการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ
ดังนั่น การห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าร่วมประชุมเป็นเจตตนาเพื่อไม่ให้มีการเสนอแต่งตั้งกรรมการใหม่เข้าไปทดทดแทน เพราะทำให้กรรมการที่พ้นวาระทั้ง 3 คนยังได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ตลอดไป ทั้งๆ ตนเองต้องพ้นจากวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว นอกจากนั้น กรรมการ NMG ทุกคน ยังได้รับประโยชน์โดยไม่ถูกตรวจสอบจากผู้ถือหุ้น หรือบุคคลภายนอก การกระทำครั้งนี้ กรรมการ NMG ทุกคนจึงมีลักษณะเป็นตัวการร่วมกันกระทำโดยทุจริต แต่ ก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษเฉพาะนายณิทธิมนฯ จึงมีเหตุอันควรให้สงสัยว่า ก.ล.ต. จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทNMGและผู้ถือหุ้น
นายสนธิญาณ จึงได้ร้องเรียนต่อ ปปช. เพื่อให้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า นายระพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. และพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน กรณีการร้องเรียน บริษัท NMG หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้กระทำการอันมีมูลความผิดงานอาญาหรือไม่ และหากพบว่ามีมูลความผิดงานอาญา ขอให้คณะกรรมการ ปปช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ เพื่อดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป