- Details
- Category: กลต.
- Published: Friday, 30 June 2023 17:23
- Hits: 2449
Q&A กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อมีคำถามมาก็มีคำตอบไป
โดย ฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมความรู้ตลาดทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นายจ้างให้ นายจ้างได้ ลูกจ้างมั่นคง” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมงานสัมมนากว่า 380 ราย ภายในงานสัมมนามีผู้สนใจสอบถามข้อสงสัยต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และได้รับเกียรติการตอบข้อซักถามโดย (1) คุณเกษตร ชัยวันเพ็ญ กรรมการ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ (2) คุณภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จึงขอสรุปมาให้ทุกท่านรับทราบดังนี้
1. บริษัทเปิดมากี่ปีถึงจะตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้
ไม่มีการกำหนด หากบริษัทเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับจากการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถทำได้ทันที
2. หากปีที่ต้องการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน สามารถตั้งกองทุนได้หรือไม่
บริษัทสามารถตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัท เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และความพร้อมในการจ่ายเงินสมทบของนายจ้าง นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเป็นผลจากวิกฤติทางการเงินและส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัท เช่น กรณีของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทางการอาจพิจารณาผ่อนผันการส่งเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนชั่วคราวได้ในช่วงดังกล่าว
3. บริษัทนายจ้างสามารถปรับลดอัตราเงินสมทบในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงินได้หรือไม่
สามารถทำได้ โดยต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกหันหน้าเข้าคุยกันทั้งสองฝ่าย เช่น บริษัทอาจปรับลดอัตราเงินสมทบในช่วงวิกฤติทางการเงินเหลือ 2% และปรับเพิ่มกลับมาเท่าเดิม 10% ในภายหลังที่พ้นวิกฤติทางการเงินแล้ว
4. จำเป็นหรือไม่ที่บริษัทต้องจ่ายเงินสมทบให้เท่ากับเงินสะสมของพนักงาน
ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน แต่ละบริษัทสามารถกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบไว้ในข้อบังคับได้ระหว่าง 2%-15% โดยบริษัทจะคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเงินสมทบของบริษัท และพนักงานสามารถเลือกอัตราการจ่ายเงินสะสมที่จะต่ำกว่าหรือมากกว่าเงินสบทบของนายจ้างก็ได้
5. พนักงานสามารถเลือกนโยบายการลงทุนตามความเสี่ยงสูงต่ำได้เองหรือไม่
พนักงานสามารถเลือกนโยบายการลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และสามารถเปลี่ยนนโยบายได้ด้วยเช่นกันตามความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา ซึ่งมีโอกาสขาดทุนและกำไรเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป อย่างไรก็ดี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการลงทุนระยะยาว จึงไม่ควรเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนบ่อยเกินไป ควรเปลี่ยนเนื่องจากระดับการยอมรับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปจะเหมาะสมกว่า
6. ในข้อบังคับกองทุนสามารถกำหนดเรื่องวันลาให้เป็นเงื่อนไขในการสมัครเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้หรือไม่ เช่น ห้ามลาพักร้อน ลาป่วยเกินจำนวนวันที่กำหนด เป็นต้น รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ
การกำหนดเงื่อนไขการสมัครเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทจัดการจะสอบถามกับบริษัทก่อนการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพว่า ต้องการระบุเงื่อนไขใดบ้าง เช่น (1) ให้เข้าเป็นสมาชิกได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน (2) ให้เข้าเป็นสมาชิกได้เมื่อพ้นระยะทดลองงาน (3) ให้เข้าเป็นสมาชิกได้เฉพาะพนักงานที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เป็นต้น ดังนั้นการจะกำหนดเงื่อนไขเช่นไร บริษัทจะระบุไว้ในข้อบังคับอย่างชัดเจน
7. นายจ้างจะเปิดโอกาสให้ลูกจ้างสมัครเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ ในกรณีที่เคยนำเงินออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่ไม่ลาออกจากงาน
ขึ้นอยู่กับข้อบังคับกองทุนว่ากำหนดเงื่อนไขไว้เช่นไร เนื่องจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นภาคสมัครใจ จึงไม่สามารถห้ามลูกจ้างลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการออมเพื่อการเกษียณ นายจ้างอาจกำหนดในข้อบังคับกองทุนเกี่ยวกับการลาออกจากกองทุนได้ เพื่อให้ลูกจ้างฉุกคิดก่อนลาออกจริง ตัวอย่างเช่น (1) หากลาออกไปแล้วห้ามกลับเข้ามาอีกครั้ง (2) หากลาออกไปแล้วต้องเว้นระยะ 1 ปี ถึงจะสมัครได้อีกครั้ง เป็นต้น
8. การให้บริการของบริษัทจัดการแต่ละราย มีการให้บริการและค่าบริการแตกต่างกันหรือไม่
ลักษณะเดียวกับสินค้าและบริการทั่วไปที่ราคามักแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ ค่าบริการของแต่ละบริษัทจัดการก็แตกต่างกันเช่นกัน โดยค่าบริการในการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เช่น ค่าจัดตั้งกองทุนเริ่มต้น (นายจ้างชำระ) ค่าจัดทำทะเบียนสมาชิก (นายจ้างชำระ) ค่าบริหารและจัดการกองทุน (กองทุนชำระ) เป็นต้น บริษัทนายจ้างสามารถดูข้อมูลและเปรียบเทียบได้ อย่างไรก็ดี ในการเลือกบริษัทจัดการไม่พิจารณาแค่ค่าบริการเพียงอย่างเดียว ควรมองไปถึงฝีมือการบริหารกองทุน และการบริการเสริมต่างๆ ที่จะได้รับจากบริษัทจัดการด้วย
9. บริษัทนายจ้างเปลี่ยนบริษัทจัดการภายหลังได้หรือไม่
สามารถเปลี่ยนได้ อย่างไรก็ดี ควรดูสาเหตุของความต้องการเปลี่ยนว่ามาจากเหตุใด เช่น (1) เปลี่ยนเพื่อการบริการที่ดีขึ้น (2) เปลี่ยนเพื่อผลการดำเนินงานที่สูงขึ้น รายใหม่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้จริงหรือไม่ แต่ควรจะใช้เวลาในการพิจารณาและให้เวลาบริษัทจัดการในการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงการบริการเปรียบเสมือนการแต่งงาน อาจต้องเลือกผู้ที่ถูกใจและเหมาะสมที่สุดก่อนและอยู่ด้วยกันไประยะหนึ่งก่อนตัดสินใจหย่าหากไปด้วยกันไม่ได้
นอกจากคำถามและคำตอบที่น่าสนใจเหล่านี้แล้ว ยังมีการเล่าประสบการณ์จริงจากนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการให้แก่ลูกจ้าง หากท่านต้องการชมคลิปสัมมนาย้อนหลัง สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/wiScKWUPx8U
หากนายจ้างท่านใดต้องการศึกษารายละเอียดด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพฝั่งนายจ้างเพิ่มเติม สามารถคลิกเข้าไปได้ที่ https://www.thaipvd.com/Employer/Index
A61049