- Details
- Category: กลต.
- Published: Tuesday, 11 September 2018 15:45
- Hits: 2435
ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 1 ราย กรณีขายหุ้น IFEC โดยใช้ข้อมูลภายใน
ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดรายนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย พร้อมรายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อ
สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดรายนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ ซึ่งขณะกระทำผิดเป็นกรรมการและผู้บริหารของ IFEC กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด1
นายฐนวัฒน์ ได้เข้ามารับทราบมาตรการลงโทษทางแพ่งแล้ว แต่ต่อมาไม่ยินยอมปฏิบัติมาตรการลงโทษทางแพ่งภายในระยะเวลาที่กำหนด ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีนายฐนวัฒน์ต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย โดยขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4.16 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย
ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายฐนวัฒน์เป็นเหตุให้นายฐนวัฒน์เป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน2 ซึ่ง ก.ล.ต. กำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน เป็นเวลา 1 ปี
หมายเหตุ:
1. ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 98/2561 เผยแพร่วันที่ 23 สิงหาคม 2561
2. ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560
IFEC แจงคำสั่งก.ล.ต.ให้ศุภนันท์พ้นจากกรรมการ-CEO ไม่กระทบการบริหารงาน เหตุมีผู้บริหารรายอื่นทำหน้าที่แทน
บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) แจ้งว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งให้นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท พ้นจากการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท และไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนแห่งอื่น (ถ้ามี) เป็นเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ 5 ก.ย.61 เป็นต้นไปนั้น
คำสั่งดังกล่าวของสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้ส่งผลกระทบในการบริหารกิจการของบริษัทแต่อย่างใด โดยบริษัทสามารถประกอบกิจการและบริหารงานต่อไปได้ ตามแบบ 56-1 ของบริษัทได้กำหนดให้รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป โดยมีนายศุภกร แย้มงามเหลือ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่บริหารงานภายในบริษัทและบริษัทย่อยได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการที่เหลืออยู่ของบริษัท คือนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ซึ่งเป็นกรรมการอิสระ โดยไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการภายในบริษัทแต่อย่างใด อีกทั้ง คณะกรรมการที่เหลือมีจำนวนไม่พอที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตามข้อบังคับของบริษัท คณะกรรมการที่เหลืออยู่จะกระทำในนามคณะกรรมการได้แต่เฉพาะการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลงเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการของบริษัท หลังจากนั้นคณะกรรมการบริษัทที่ครบจำนวนเป็นองค์ประชุมแล้วจึงจะสามารถ เลือกประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทได้ต่อไป
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน บริษัท และคณะกรรมการบริษัท ได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญและให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิและความเสมอภาค เพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัท ให้บริษัทปราศจากการทุจริต โดยยึดหลักการบริหารด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ
IFEC ชี้แจงเจ้าหนี้ที่ยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการมาจากการซื้อหนี้หุ้นกู้วงเงิน 10 ลบ.อ้างให้ข้อมูลความสัมพันธ์ไม่ได้
บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลางตามที่ ตลท.สอบถามมา ดังนี้
ข้อ 1. ข้อมูลของเจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ ชื่อเจ้าหนี้ มูลหนี้ที่บริษัทเป็นหนี้เจ้าหนี้รายดังกล่าว บุคคลดังกล่าวเริ่มเป็นเจ้าหนี้บริษัทตั้งแต่เมื่อไรและอย่างไร ในกรณีที่รับโอนหนึ้มาจากเจ้าหนี้รายอื่นขอให้ระบุชื่อของผู้โอน รวมถึงความสัมพันธ์กับบริษัท ผู้ถือหุ้น กรรมการ และผู้บริหารของ IFEC ทั้งในอดีตและปัจจุบัน (ถ้ามี) ของเจ้าหนี้ทื่ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและของผู้โอนหนี้ดังกล่าว
บริษัทชี้แจงว่า ในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่บริษัทได้รับเมื่อวันที่ 25 ส.ค.61 นั้น ปรากฏรายละเอียดในส่วนนี้เพียงว่า เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ชื่อนางสมศรี จีระวิพูลวรรณ ผู้ร้องได้ซื้อหนี้หุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นกู้รายเดิม จำนวน 10 ล้านบาท โดยได้ชำระราคาและรับมอบใบหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือและได้รับสลักหลังจากผู้ถือใบหุ้นเดิมโดยถูกต้องแล้ว อ้างความเป็นเจ้าหนี้โดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งบริษัท จะได้ตรวจสอบ ความถูกต้องแห่งการอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าหนี้ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีอำนาจพาดพิงบุคคลใด กรณีที่ ตลท.สอบถามด้านความสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัท ผู้ถือหุ้นกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท ซึ่งในส่วนนี้บริษัทขออภัยที่ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ ของบริษัทตามกฎหมายในการที่จะดำเนินการดังกล่าว
ข้อ 2. สาระสำคัญของคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เช่น วันที่ยื่นคำร้องฯ สาเหตุที่เจ้าหนี้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ มูลหนี้ที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการ ชื่อผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ (ถ้ามี) โดยขอให้ระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำแผนฯ กับเจ้าหนี้และบริษัทด้วย
บริษัทชี้แจงว่า ตามข้อมูลโดยละเอียดในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่บริษัทได้รับเมื่อวันที่ 25 ส.ค.61 นั้น โดยมีสาระสำคัญว่า เจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท เมื่อวันที่ 16 ส.ค.61 ซึ่งตามคำร้องปรากฏสาเหตุที่เจ้าหนี้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการว่าบริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระเพิ่มขึ้นและมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลง ทำให้บริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และมีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้
หากบริษัทไม่ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาลจะไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้ได้
และปรากฎสาระสำคัญของช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการว่า ธุรกิจของบริษัทยังสามารถประกอบกิจการต่อไปได้และมีแนวโน้มขยายตัวทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าธุรกิจบริหารจัดการขยะ และธุรกิจโรงแรมและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจของกลุ่มดาราเทวี เชียงใหม่ ซึ่งบริษัทมีโอกาสที่จะขยายฐานการลงทุนและสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้นได้
ดังนั้น หากบริษัทสามารถทำการปรับโครงสร้างหนี้และมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะเพิ่มโครงการผลิตไฟฟ้าทางเลือก การประกอบกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์และอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของตลาด ธุรกิจของบริษัทก็จะสามารถฟื้นตัวเป็นปกติได้ โดยเจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการได้เสนอให้นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้ทำแผน
ข้อ 3. ตามข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2559 ซึ่งเป็นงบการเงินฉบับล่าสุดที่ IFEC เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.60 ปรากฏข้อมูลว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวม 12,630 ล้านบาท หนี้สินรวม 9,3 44 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 3,227 ล้านบาทนั้น ขอให้บริษัทชี้แจงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่เป็นปัจจุบันของบริษัทว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ อย่างไร
บริษัทขอชี้แจงว่า บริษัทได้เปิดเผยงบการเงินฉบับล่าสุดต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คืองบการเงินประจำปี 2559 ในส่วนของงบการเงินประจำปี 2560 และงบการเงินประจำปี 2561 ของบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยยังมิได้ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชี
ข้อ 4. แนวทางและกรอบระยะเวลาที่บริษัทต้องดำเนินการต่อศาลฯ ภายหลังถูกยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ
บริษัทชี้แจงว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้รับทราบหมายแจ้งคำสั่งของศาลล้มละลายกลางว่า บริษัทได้ถูกยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ.14/2561 ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 ต.ค.61 เวลา 09.00 น.และมีคำสั่งให้บริษัทยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ รายชื่อและที่อยู่ โดยชัดแจ้งของเจ้าหนี้ทั้งหลายต่อศาลก่อนวันนัดไต่สวนและให้ไปศาลตามกำหนดนี้ ซึ่งคำสั่งศาลดังกล่าว คือ แนวทางและกรอบระยะเวลาที่บริษัทจะต้องดำเนินการ และกำลังดำเนินการอยู่ ณ ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพิจารณาถึงการดำเนินการทางกฎหมายในคดีฟื้นฟูกิจการดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของบริษัททุกราย
ทั้งนี้ เมื่อบริษัทมีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวที่ได้แจ้งไว้เป็นประการใด บริษัทจะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทยต่อไปโดยทันที
อินโฟเควสท์