- Details
- Category: กลต.
- Published: Sunday, 10 June 2018 09:00
- Hits: 2385
ก.ล.ต. เผยแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล
คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ได้ให้ความเห็นชอบแนวทางกำกับดูแลการออกไอซีโอ และการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะออกประกาศที่เกี่ยวข้องได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้
แนวทางที่เสนอได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนในหลายช่องทาง ทั้งทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง (focus group)
หลักเกณฑ์ที่จะออกมานี้จะช่วยให้มีความชัดเจนสำหรับผู้ต้องการออกไอซีโอ ตัวกลางที่เกี่ยวข้อง และผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และช่วยลดโอกาสที่ประชาชนจะถูกหลอกลวงหรือถูกเอาเปรียบ รวมทั้งช่วยให้ภาครัฐมีเครื่องมือในการติดตามและป้องปรามการฟอกเงิน
ผู้ที่จะออกไอซีโอ ต้องเป็นบริษัทตามกฎหมายไทยที่มีแผนธุรกิจชัดเจน มีงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบ ข้อกำหนดสิทธิของผู้ถือโทเคนดิจิทัลต้องชัดเจน มีการเปิดเผยชุดรหัสทางคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในกระบวนการไอซีโอ (ซอร์สโค้ด) มีหนังสือชี้ชวน และมีการรายงานความคืบหน้าของโครงการและการใช้เงินเป็นระยะ ทั้งนี้ การเสนอขายต้องทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ไอซีโอพอร์ทัล) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งไอซีโอพอร์ทัลจะทำหน้าที่คัดกรองโครงการและทำความรู้จักตัวตนและสถานะผู้ลงทุน ตลอดจนประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
การออกไอซีโอแต่ละครั้งสามารถขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กิจการร่วมลงทุนได้ไม่จำกัดและขายผู้ลงทุนรายย่อยได้รายละไม่เกิน 3 แสนบาท นอกจากนี้ วงเงินรวมที่ขายผู้ลงทุนรายย่อย ต้องไม่เกิน 4 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าที่เสนอขายทั้งหมด
ศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่าที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ทั้งนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาซื้อขายในศูนย์ซื้อขาย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ ในศูนย์ซื้อขายต้องเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินบาทหรือคริปโทเคอร์เรนซีในรายชื่อที่ประกาศกำหนดเท่านั้น
อนึ่ง คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ให้ความเห็นชอบในการออกประกาศยกเว้นโทเคนดิจิทัลที่กำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการที่เฉพาะเจาะจง (utility token) ซึ่งผู้ถือสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที ออกจากการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่เทียบกับเงินบาท หรือให้บริการแลกเปลี่ยนระหว่าง utility token ด้วยกันที่ให้สิทธิประโยชน์เฉพาะในลักษณะเดียวกัน เช่น ระหว่างเหรียญในเกมส์หรือ แต้มสะสมคะแนนแลกสินค้าหรือบริการ ไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ พ.ร.ก. นี้
นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "หลักเกณฑ์ที่ออกมานี้ ได้พยายามหาจุดสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรม และการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยได้นำความเห็นจากทุกฝ่ายมาพิจารณา เกณฑ์ที่ออกมา อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้จากของจริงไปด้วยกันระหว่างทางการและภาคธุรกิจ"
ก.ล.ต.เตรียมออกเกณฑ์กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภายในมิ.ย.61 ,ผู้สนใจขอเป็นไอซีโอพอร์ทัล-ตลาดกลาง 10 ราย
วิษณุ เผยรัฐบาลสั่งจับตาธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลสกัดการซื้อเสียงเลือกตั้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Symposium Thailand 4.0 FINTECH & CRYPTOCURRENCY vs. LAW ENFORCEMENT กล่าวว่า ในความหมายของคริปโตเคอเรนซี่ หมายถึง เงินเสมือนที่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยนได้ เปรียบได้กับการใช้เงินหรือบัตรเครดิตซึ่งมีการใช้ในต่างประเทศมาแล้วถึง 20 ปี ส่วนในไทยเริ่มแพร่หลายในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และในขณะนี้ได้รับการยอมรับเปรียบเสมือนเป็นเงินตราจนสามารถทำธุรกรรมได้
ในส่วนของข้อดีของคริปโตเคอเรนซี่ คือ มีความรวดเร็ว ไม่มีผลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรืออัตราดอกเบี้ย ส่วนข้อเสียอาจถูกหลอกลวงได้ง่าย เกิดการทุจริต นำไปสู่การโจรกรรมหรือแฮ็คข้อมูลได้ ทั้งนี้ในประเทศไทยยังไม่พบผู้เสียหาย แต่อาจนำไปสู่การโจรกรรม หรือหลอกลวงได้
นายวิษณุ กล่าวว่า คริปโตเคอเรนซี่เปรียบเสมือนดาบ 2 คม ทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งประโยชน์ถือเป็นระบบการลงทุนที่สร้างสรรค์และเหมาะสำหรับผู้ลงทุนกลุ่มสตาร์ทอัพ ส่วนโทษต้องรู้เท่าทันความเสี่ยง โดยรัฐบาลจะมีกลไกดูแลธุรกรรมชนิดนี้ และจะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการทุกส่วนได้รู้จักและศึกษาธุรกรรมชนิดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกรมบังคับคดี และอัยการ
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากต่างประเทศว่า คริปโตเคอเรนซี่เป็นช่องทางการฟอกเงินได้ดีที่สุด มีการเตือนว่าอาจนำไปใช้ในการก่อการร้ายข้ามประเทศและเรื่องยาเสพติด และการใช้สำหรับการซื้อเสียงในการเลือกตั้งของประเทศไทยผ่านรูปแบบบิทคอยน์ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงต่างประเทศ ไปศึกษารายละเอียดและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจนนำมาสู่การออกพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดเก็บภาษีของสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency และในอนาคตยังจำเป็นต้องปรับปรุง พ.ร.ก.ให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ และทันต่อเทคโนโลยีประเภทนี้ โดยจะต้องปรับแก้ให้เป็นพระราชบัญญัติที่สมบูรณ์ต่อไป
อินโฟเควสท์