- Details
- Category: กรมสรรพสามิต
- Published: Sunday, 27 December 2015 09:42
- Hits: 2901
กรมสรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เริ่ม 1 ม.ค.59
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 และการขอป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากลว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2559 กรมสรรพสามิตจะเริ่มดำเนินการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยอ้างอิงการปล่อยมลพิษ หรือ CO2 ซึ่งเป็นการจัดเก็บจากการวัดการปล่อยมลพิษ จากเดิมที่จัดเก็บจากประเภทและขนาดความจุของเครื่องยนต์
ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมวนการดำเนินการด้านปฏิบัติ เช่น การออกป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรือ Eco Sticker รวมถึงการตรวจสอบค่าอัตราการปล่อยก๊าซ CO2
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร หารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย สำนักงานมาตรฐานปลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม. หรือ สมอ. และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สศอ. ในการวางแนวทางในการวัดการปล่อยก๊าซมลพิษ
สำหรับ แนวทางการดำเนินงาน ประกอบด้วย 1.ผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้าต้องนำรถยนต์ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยผ่านการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือที่รู้จักโดยทั่วไปคือ R83 ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าว จะมีค่าการปล่อยก๊าซ CO2 ปรากฏอยู่ในผลการตรวจสอบ และรถยนต์บางประเภทต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยประเภทระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ
2.ผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้า จะต้องนำผลการตรวจสอบเข้าสู่ระบบของ สศอ. เพื่อให้ค่าดังกล่าวปรากฏอยู่ในป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล และหน่วยงานทราเกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสรรพสามิต สมอ. และสศอ. จะตรวจสอบรายละเอียดมราได้นำเข้าสู่ระบบดังกล่าว หากถูกต้องครบถ้วนก็จะมีการพิมพ์ป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล ให้ผู้ผลิตในประเทศและนำเข้า
3.ผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้า จะต้องยืนยันผลการตรวจสอบดังกล่าวให้กรมสรรสามิตหรือกรมศุลกากร แล้วแต่จุดความรับผิดเกิด เพื่อกรมสรรพสามิตหรือกรมศุลกากรจะได้จัดเก็ยภาษีตามปล่อยก๊าซ CO2 เป็นสำคัญ
4.ป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล ที่ผู้ผลิตในประเทศหรือนำเข้าได้รับจากกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีการตรวจสอบถูกต้องแล้ว จะต้องนำไปปิดไว้ที่รถยนต์ทุกคัน ณ จุดขาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภคได้รับทราบถึงการปล่อยก๊าซ CO2 และอัตราการใช้พลังงาน
5.กรณีที่รายละเอียดในคำขอการออกป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากลดังกล่าวยังไม่ครบถ้วน ผู้ผลิตในประเทศหรือผู้นำเข้าสามารถใช้ข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากลเบื้องต้นแทนก่อนได้ และนำป้ายข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบแล้วมายื่นกับหน่วยงานของรัฐภายใน 45 วัทน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.