WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

หอฯแนะรัฐรื้อภาษีสรรพสามิต ชี้ไม่เป็นธรรม-อุปสรรคแข่งขัน

    แนวหน้า : นายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ทางหอการค้าไทย อยากเสนอให้รัฐปรับปรุงกฎหมายที่ไม่สะดวก ไม่เป็นธรรมทางการค้าเพื่อปรับปรุงให้เป็นผลดีต่อฝ่ายปฏิบัติงานและประชาชน ซึ่งในเรื่องของภาษีนั้น กระทรวงการคลังมีแนวคิดปรับปรุงด้วยกัน 3 ตัว คือ ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขปรับปรุงไปบ้างแล้ว 2-3 ฉบับ แต่ในส่วนของภาพษีสรรพสามิตยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้มีการวิจัย โดยหลังจากวันที่ 22 ก.ย. 2557 นี้จะนำข้อเสนอแนะการปรับปรุงกฎหมาย เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

     นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการกฎหมายภาษีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของไทยทั้งระบบ จึงมอบหมายให้สถาบันวิชาการนโยบายกิจการสาธารณะกับธุรกิจและการกำกับดูแล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำการศึกษาการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ซึ่งข้อเสนอแนะทั้งหมดจะมีการนำเสนอผ่านกรมสรรพสามิต ก่อนนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

    น.ส.ศิริญญา ดุสิตนานนท์ หัวหน้าโครงการวิจัยปฏิรูปภาษีสรรพสามิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการศึกษาในกลุ่มสินค้าหลักที่ทำรายได้สูงสุดให้กรมสรรพสามิต ได้แก่ น้ำมัน รถยนต์ สุรา เบียร์ ยาสูบ และเครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าอื่นๆ ทำรายได้ในปีงบประมาณ 56 จำนวน 432,868 ล้านบาทนั้น พบว่าในการจัดเก็บภาษียังขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเหมาะสม ส่วนใหญ่มุ่งเน้นแต่รายได้ ดังนั้น ภาครัฐจึงควรทบทวนและกำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีของสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภคสินค้าเพียงบางประเภทที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ ซึ่งหากรัฐต้องการสร้างรายได้ก็ควรใช้เครื่องมือทางภาษีอื่น

    นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ควรมีการวางแผนปฏิรูปภาษีสรรพสามิตโดยมุ่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บทั้งด้านการกำหนดโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านโทรคมนาคมไม่ควรที่จะมีการจัดเก็บ ขณะที่ฐานการคำนวณการเก็บภาษีควรเท่าเทียมกัน เช่น รถยนต์ และสุรา พร้อมทั้งปรับลดอัตราภาษีที่เก็บจากน้ำมันและปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีให้เหมาะสม เพื่อให้มีส่วนต่างกับราคาแก๊สโซฮอล์มากขึ้น โดยเก็บภาษีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกชนิด ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีควรคำนึงถึงระบบการค้าและภาษีของประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย

      “ภาษีสรรพสามิตที่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน อาจจะต้องยกเลิก เช่น การเก็บภาษีสินค้าเครื่องดื่มบางตัว หรือภาษีกิจการโทรคมนาคม เพราะจะกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วอาจจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีในส่วนนี้ หรือมีการเก็บในอัตราที่ต่ำกว่ามาก” น.ส.ศิริญญา กล่าว

      น.ส.ศิริญญา กล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลจะมองว่าการเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นไปเพื่อสร้างรายได้ แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่าภาษีสรรพสามิต มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดการกับภาระภายนอกที่เกิดจากสินค้าและบริการนั้นๆ ซึ่งควรเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการจัดการเก็บภาษีสรรพสามิตมากกว่าการจัดเก็บเพื่อหารายได้เป็นหลัก

     “คาดว่าหลังจากวันที่ 22 ก.ย.นี้ ทางทีมงานวิจัยจะได้นำเสนอแนวทางในการปรับปรุงภาษีสรรพสามิต ซึ่งได้จากผลงานวิจัยดังกล่าวนี้ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมสรรพสามิต, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกระทรวงการคลัง เพื่อนำไปพิจารณาเป็นข้อมูลประกอบการปฏิรูปโครงสร้างภาษีในภาพรวมทั้งระบบต่อไป”

ชงปฏิรูปภาษีสรรพสามิตเอกชนแนะรัฐรวม 3 กรมเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้

     บ้านเมือง : นายพงศธร อังศุสิงห์ ประธานคณะอนุกรรมการภาษีสรรพสามิต สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปฏิรูปภาษีสรรพสามิต จะเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ช่วยสร้างความโปร่งใส ความชัดเจน ความเป็นธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ในระยะยาวให้กับภาครัฐ ดังนั้นจากนี้จึงอยากฝากให้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เร่งพิจารณาการปฏิรูปภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนปฏิรูปภาษีตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ โดยเน้นทบทวนวัตถุประสงค์การเก็บภาษีในแต่ละสินค้าให้ชัดเจน ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 22 กันยายน นี้ เตรียมที่สรุป และนำเสนอผลงานวิจัยการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ให้กับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผนวกในการพิจารณา ออกแบบโครงสร้างการปฏิรูปต่อไป

    น.ส.ศิริญญา ดุสิตนานนท์ หัวหน้าโครงการวิจัยปฏิรูปภาษีสรรพสามิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการศึกษาในกลุ่มสินค้าหลักที่ทำรายได้สูงสุดให้กรมสรรพสามิต ได้แก่ น้ำมัน รถยนต์ สุรา เบียร์ ยาสูบและเครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าอื่นๆ ทำรายได้ในปีงบประมาณ 56 จำนวน 432,868 ล้านบาทนั้น พบว่าในการจัดเก็บภาษียังขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเหมาะสม ส่วนใหญ่มุ่งเน้นแต่รายได้ ดังนั้น ภาครัฐจึงควรทบทวนและกำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีของสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภคสินค้าเพียงบางประเภทที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ ซึ่งหากรัฐต้องการสร้างรายได้ก็ควรใช้เครื่องมือทางภาษีอื่น

  โดยยังเห็นว่าควรมีการวางแผนปฏิรูปภาษีสรรพสามิตโดยมุ่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บทั้งด้านการกำหนดโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านโทรคมนาคมไม่ควรที่จะมีการจัดเก็บ ขณะที่ฐานการคำนวนการเก็บภาษีควรเท่าเทียมกัน เช่น รถยนต์ และสุรา พร้อมทั้งปรับลดอัตราภาษีที่เก็บจากน้ำมันและปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีให้เหมาะสม เพื่อให้มีส่วนต่างกับราคาแก๊สโซฮอล์มากขึ้น โดยเก็บภาษีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกชนิด ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีควรคำนึงถึงระบบการค้าและภาษีของประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย

   "ภาษีสรรพสามิตที่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน อาจจะต้องยกเลิก เช่น การเก็บภาษีสินค้าเครื่องดื่มบางตัว หรือภาษีกิจการโทรคมนาคม เพราะจะกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วอาจจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีในส่วนนี้ หรือมีการเก็บในอัตราที่ต่ำกว่ามาก" น.ส.ศิริญญา กล่าว

    น.ส.ศิริญญา กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมองว่าการเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นไปเพื่อสร้างรายได้ แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่าภาษีสรรพสามิต มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดการกับภาระภายนอกที่เกิดจากสินค้าและบริการนั้นๆ ซึ่งควรเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการจัดการเก็บภาษีสรรพสามิตมากกว่าการจัดเก็บเพื่อหารายได้เป็นหลัก

     ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะนำเสนอผลวิจัยให้กับกระทรวงการคลังพิจารณาตามแนวทางการปฏิรูปประเทศโดยเร่งด่วน เนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภคสินค้าเพียงบางประเภทที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ ดังนั้นหากรัฐต้องการสร้างรายได้ควรใช้เครื่องมือทางภาษีอื่นมากกว่าภาษีสรรพสามิตและควรบูรณาการเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและภาคธุรกิจ

    "คาดว่าหลังจากวันที่ 22 ก.ย.นี้ ทางทีมงานวิจัยจะได้นำเสนอแนวทางในการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตซึ่งได้จากผลงานวิจัยดังกล่าวนี้ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมสรรพสามิต, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกระทรวงการคลัง เพื่อนำไปพิจารณาเป็นข้อมูลประกอบการปฏิรูปโครงสร้างภาษีในภาพรวมทั้งระบบต่อไป"

     มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังเห็นว่า ควรมีการวางแผนการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตโดยเน้นขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ เช่น กำหนดโครงสร้างภาษีหรือฐานภาษีให้ชัดเจน เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท และไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันต้องกำหนดอัตราภาษีให้เหมาะสม โดยตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์ที่แท้จริงและคำนึงถึงอัตราภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการบริหารจัดเก็บภาษีด้วย

   "โดยระยะยาว เห็นควรมีการพิจารณาบูรณาการ 3 กรมจัดเก็บเข้าด้วยกัน และนำหลักกฎหมายสรรพสามิตที่ดีมาปรับใช้ ได้แก่ หลักความเป็นธรรม, หลักประสิทธิภาพ, หลักความโปร่งใส, หลักความง่ายต่อการปฏิบัติ และหลักความแน่นอน"

     นายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้สภาหอการค้าฯ ได้ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาวิจัยการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิต เพื่อให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายให้เป็นประโยชน์ทางการค้า ซึ่งรวมทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!