WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Cดร.สมชย สจจพงษคลังปลื้มช็อปช่วยชาติคึกคักยืนยันปลายปีไม่มีก๊อกสองมากระตุ้น

      แนวหน้า : นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้จ่าย ในประเทศ (ช็อปช่วยชาติ) ซึ่งสิ้นสุดอายุมาตรการ ไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมาได้ผลตอบ รับจากประชาชนเป็นอย่างดีมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าต่างๆ จำนวนมากส่วนจะมีมาตรการ ดังกล่าวในปี 2561 อีกหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของฝ่ายนโยบายจะพิจารณาเองหลักๆ ต้องดูภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจประกอบด้วย

      "มาตรการช็อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน-3 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือว่า ผลตอบรับดีปลายปีคงไม่มีมาตรการลักษณะนี้ ออกมาแล้วแต่จะเป็นการใช้จ่ายจากประชาชนเอง ปีหน้าจะมีการหยิบยกมาตรการนี้มาดำเนินการอีกหรือไม่ เป็นเรื่องของฝ่ายนโยบายแต่ในส่วนของกระทรวงการคลังยืนยันว่ามีความพร้อม อยู่แล้ว" นายสมชัยกล่าว

    สำหรับ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดรองนั้นเชื่อว่าขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) คงอยู่ ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของมาตรการ โดยยังไม่มีการเสนอมาให้กระทรวงการคลัง พิจารณา แต่หากมองตามหลักคิดหรือวัตถุประสงค์ของมาตรการถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะสนับสนุนการ ท่องเที่ยวในจังหวัดรอง แต่ก็ต้องมาพิจารณาให้ รอบคอบด้วยว่าภาษีที่จะให้กับมาตรการนั้น จะเกิดจากการท่องเที่ยว ในจังหวัดรองจริง และ จังหวัดเป้าหมายจะได้รับ ประโยชน์อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากรม สรรพากรก็พร้อมจะดำเนินการหากมีข้อสรุปออกมา

     นายสมชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 2 ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะเร่งหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการเดินหน้าสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 ว่าจะสามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติและเกิดผลจริงด้วย

      สวัสดิการที่จะมอบให้ผู้มีรายได้น้อยในระยะที่ 2 นั้นจะเน้นส่งเสริมใน 4 มิติ ได้แก่ การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน, การส่งเสริม การศึกษา และการฝึกอบรมอาชีพ, การเพิ่มโอกาสในการทำงาน ทั้งในส่วนของมีงานทำและการเป็นเจ้าของกิจการและการส่งเสริมการมีปัจจัย 4 เป็นของตัวเอง อาทิ ที่อยู่อาศัย และทรัพย์สินต่างๆ ที่จำเป็น

     "ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ เป้าหมายหลักที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กำหนดมา คือต้องทำให้ผู้มีรายได้น้อย ที่มาลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการรัฐ 11.4 ล้านคน ซึ่งในส่วนนี้มีคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ถึง 5 ล้านคนลดลงรวมทั้งการ ขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ในรอบนี้ให้เกิดผลใน ทางปฏิบัติ และประสบความสำเร็จ เราจึงต้องหา รือร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อสรุปและจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาต่อไป เพื่อเป็น ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน" นายสมชัยกล่าว

                ส่วนเงินงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการ ยังไม่สรุปแต่เบื้องต้นจะเป็นการบูรณาการโครงการเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้มีรายได้น้อย การส่งเสริมอาชีพ ของกระทรวงต่างๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วเอามาปรับปรุงให้สอดคล้องกันและผลักดันออกมาอย่างเป็นระบบ

คลังจ่อรีดภาษีกองทุนรวมตราสารหนี้

     ไทยโพสต์ : ราชดำริ * คลังยันรีดภาษีกอง ทุนรวมที่ไปลงทุนตราสารหนี้เพื่อ ความเป็นธรรม มั่นใจไม่ลดแรง จูงใจนักลงทุน พร้อมมอบ 'สรร พากร'เร่งพิจารณาแนวทางดำ เนินการ หลังปัจจุบันพบกองทุนรวมแห่ลงทุนตราสารหนี้ แต่ไม่ต้องเสียภาษีอื้อ

       นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยืนยันว่าแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีจากกองทุนรวมที่ไปลงทุนในตราสารหนี้นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น และเชื่อว่าจะไม่เป็นประเด็นที่ไปลดแรงจูงใจของประชาชนที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ อย่างแน่นอน

      ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ และส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น ส่วนรายละเอียดว่าจะเก็บภาษีอย่างไรบ้างนั้น ยังอยู่ในกระบวนการ

      "ขณะนี้ปิดรับฟังความเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ผมยังไม่เห็นข้อสรุปทั้งหมด กระบวนการหลังจากนี้ก็จะต้องเอาความคิดเห็นที่ได้มาดูว่าเป็นอย่างไร เอาผลที่ได้มาดู ว่าแนวทางการเก็บภาษีที่เหมาะจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง" นายสมชัยกล่าว

     รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังได้มอบหมายกรมสรรพากรไปพิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในตราสารหนี้ของกองทุน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากปัจจุบันกองทุนรวมที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ไม่ต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนที่ไม่ใช่กองทุน ที่ต้องเสียภาษี 15% ของผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งการเก็บภาษีดังกล่าวเป็นลักษณะเดียวกับภาษีรายได้ที่เกิดจากดอกเบี้ยเงินฝาก

    ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการลง ทุนในกองทุนรวมของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.8 ล้านล้านบาท โดยเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกองทุนตราสารหนี้กว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54% ของมูลค่ากองทุนรวมทั้งหมด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!