- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 08 November 2017 22:58
- Hits: 4282
รมว.คลัง เผยรอธปท.ชี้แจงตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้ ชี้ยอมรับได้หากใช้ทุกเครื่องมือกระตุ้น แต่ยังอยู่ในกรอบ 1-4%
รมว.คลัง เผยรอธปท.ชี้แจงตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้ ชี้ยอมรับได้หากใช้ทุกเครื่องมือกระตุ้นแต่ยังอยู่ในกรอบ 1-4% แนะธปท.ดูแลเงินเฟ้อมากขึ้น หลังตัวเลขปีนี้ส่อแววต่ำกว่าเป้า ชี้เป็นส่วนหนึ่งของเคพีไอธปท. พร้อมแจงสรรพากรจัดเก็บรายได้ปีนี้ต่ำเป้าเหตุน้ำมันร่วงแรง เล็งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีมากขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเสนอกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 ที่ระดับปัจจุบัน คือ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ อยู่ในช่วง 1-4% นั้น มองว่า เป็นกรอบที่รับได้ สะท้อนว่า ธปท. ยังมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไปว่าจะสามารถเติบโตได้ตามศักยภาพ ซึ่งยืนยันว่า การดำเนินนโยบายด้านเงินเฟ้อ ถือเป็น เคพีไอของการประเมินผลงานด้วย
แต่หากกรณีที่ในปีนี้เงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ธปท. จะต้องมารายงานให้กระทรวงการคลังรับทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งยืนยันว่า เงินเฟ้อจะสูง หรือต่ำกว่าเป้าหมายนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ในข้อตกลงที่ทำร่วมกันนั้น ธปท.จะต้องใช้ทุกเครื่องมือในการบริหารงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งหากธปท.ได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพแล้ว เงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมายก็ยอมรับได้
“ผมยืนยันเสมอว่า อยากให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพ ไม่ใช่ว่าต้องคอยเติมแต่งตลอดเวลา และที่เขามองเงินเฟ้อ คือ มองกรอบเงินเฟ้อระยะกลาง-ยาว ซึ่งหากเงินเฟ้อจะสูง หรือ ต่ำไปบ้าง เราก็รับได้ แต่ต้องย้อนถามว่า คุณได้นำเครื่องมือทุกเครื่องมือในการทำงานมาบริหารแล้วหรือยัง ถ้าใช้ทุกเครื่องมือแล้ว แต่เงินเฟ้อยังต่ำอยู่ เราก็โอเค และเราก็ถามเขาแล้วว่าเขาใช้ทุกเครื่องมือหรือยัง ก็ต้องรอเขาชี้แจงมา ซึ่งต้องบอกว่า อันนี้ก็ถือเป็นเคพีไอของธปท.เช่นกัน ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วันนี้ ดอกเบี้ยจะเป็นทิศทางใดคงบอกไม่ได้ ต้องถามผู้ว่าการธปท.”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมสรรพสามิตในวันนี้ว่า ต้องขอชื่นชมกรมสรรพสามิตที่ตลอดระยะ 60 ปีที่ผ่านมาจัดเก็บรายได้ตามเป้าและสูงกว่าเป้าหมายมาตลอด ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับล่าสุดได้นำเทคโนโลยีด้านดิจิทัล โดยเปิดศูนย์บัญชาการกรมสรรสามิต โดยจะสามารถดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ทั้งข้อมูลการจัดเก็บภาษี ข้อมูลการนำเข้าสินค้า ซึ่งเปนการเก็บรวบรวมบิ๊กเดต้าของกรม ขณะเดียวกันจะเร่งเดินหน้าเชื่อมโยงข้อมูลกันทั้งระบบ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยทำให้ลดการทุจริตคอรัปชั่นได้ด้วย นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังเตรียมเปลี่ยนแสตมป์ โดยใช้ระบบคิวอาร์โค้ดมาใช้ดำเนินการแทน รวมถึงติดสติกเกอร์ที่ตัวสินค้าประเภทสุรานำเข้าด้วย โดยคิวอาร์โค้ดจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ นำเข้ามาเมื่อไหร่ เพื่อสะดวกง่ายต่อการตรวจสอบ ซึ่งจะส่งผลให้การหลบเลี่ยงภาษีลดลงด้วย
ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น มองว่า เป็นเรื่องที่อธิบายได้ เนื่องจากในการประเมินงบประมาณในปีนั้น ได้ประมาณการน้ำมันไว้ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อบาเรล แต่ปัจจุบัน ราคาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาเรล ส่งผลให้รายได้ลดลง แต่ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้พยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีให้ได้มากขึ้นในอนาคตด้วย