- Details
- Category: คลัง
- Published: Monday, 16 October 2017 19:23
- Hits: 6840
ปลัดคลัง หวังศก.ไทยปีนี้โต 4% วอนเอกชนช่วยลงทุนหนุนการเติบโต เตรียมถก รมว.คลัง พิจารณาความจำเป็นช้อปช่วยชาติ
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดหวังว่าอยากได้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีพีดี ที่ระดับ 4% เตรียมถก รมว.คลัง พิจารณาความจำเป็นใช้มาตรการช้อปช่วยชาติ หลังศก.มีแนวโน้มฟื้นตัวแล้ว
กรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปหาแนวทางเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนการใช้จ่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันได้ให้วงเงินซื้อสินค้าที่ 200-300 บาท เพิ่มมากขึ้นนั้น กระทรวงการคลังยินดีและจะหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้น น่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนวงเงินภายในบัตรเท่านั้น เช่น หากประชาชนที่อยู่ในส่วนท้องถิ่นและไม่จำเป็นต้องใช้รถไฟ ก็สามารถนำวงเงิน 500 บาทดังกล่าว มาใช้ในการซื้อสินค้าได้ ซึ่งจะทำให้มีวงเงินซื้อสินค้าเพิ่มเป็น 700-800 บาท เป็นต้น
“เมื่อท่านมีดำริมา เราก็พร้อมที่จะศึกษา เพราะวัตถุประสงค์นี้ เกิดขึ้นเพราะต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ได้รับการช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่ม และตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งยืนยันว่า คงไม่ต้องเพิ่มงบประมาณดำเนินการ เพราะจะเป็นการโยกหรือปรับวงเงินในบัตรเท่านั้น ส่วนการแจกบัตรสวัสดิการนั้น วันที่ 17 ตุลาคมนี้ จะแจกได้ในส่วนที่เหลือแน่นอน ที่เป็นบัตรแมงมุม แต่ยังขึ้นได้แค่รถไฟ และรถเมล์เท่านั้น ในส่วนรถไฟฟ้ายังอยู่ระหว่างการดำเนินการต่อไป”นายสมชัย กล่าว
ส่วนมาตรการชอปช่วยชาติ ที่รัฐบาลจะเรียกเอกชนหารือนั้น มองว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่จะต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้มาตรการดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากในขณะนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว สะท้อนจากหลายหน่วยงานได้ปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ใหม่มาอยู่ที่ประมาณ 3.8% ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. จะปรับประมาณการในเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดหวังว่าอยากได้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีพีดี ที่ระดับ 4%
“เราอยากเห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ 4% ซึ่งเป็นตัวเลขในใจ ส่วนหลังจากนี้มองว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ ยังอยากให้เอกชนช่วยลงทุน นอกจากนี้จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. เพื่อนำเงินงบประมาณที่เกินดุลทุกปี รวมกว่าแสนล้านบาทนั้น นำไปลงทุน พัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจในทุกภาค ขณะที่การลงทุนภาครัฐมองว่าไม่น่าจะมีปัญหา”นายสมชัย กล่าว
สำหรับ ในปีงบประมาณ 2561 มองว่า การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐจะได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ทั้ง 3 กรมภาษี ทั้งการเพิ่มแผนประสิทธิภาพในการจัดเก็บ การขยายฐานภาษีของกรมสรรพากร การปฏิรูปภาษีใหม่ของกรมศุลากร ที่ต้องการปิดช่องโหว่ หรือรู้รั่วของการทุจริตคอรัปชั่น เป็นต้น โดยเฉพาะกรมศุลฯจะต้องไปดู 3 เรื่องสำคัญ ทั้งการสำแดงราคาต่ำ การสำแดงจุดกำเนิดไม่ตรง และปริมาณการนำเข้าที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังระบุว่า การจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ หรือ การเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เฟซบุ๊ก กูเกิ้ล ยูทูป และไลน์ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาและดำเนินการจัดทำรายละเอียด ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย