WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gธรชย อตนวานชสบน.เผย ณ สิ้นส.ค.60 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 6.27 ล้านลบ. คิดเป็น 41.92% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 49,883 ลบ.เทียบเดือนที่ผ่านมา           

      สบน.เผย ณ สิ้นส.ค.60 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 6.27 ล้านลบ. คิดเป็น 41.92% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 49,883 ลบ.เทียบเดือนที่ผ่านมา . เผย ครม.อนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบ 61 วงเงิน 1.5 ล้านลบ. เป็นแผนก่อหนี้ใหม่กว่า 5.8 แสนลบ. ประเมินปีงบ 61 หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 42.7% ก่อนเพิ่มเป็น 44.8% ในปี 62 ยัน ปี 61-65 หนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังไม่เกิน 60% ของจีดีพี               

       นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิงหาคม 2560 อยู่ที่ 6.27 ล้านล้านบาท หรือ 41.92% ของจีดีพี โดยเป็นหนี้รัฐบาล 4.86 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 966,596 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 432,369 ล้านบาท หนี้หน่วยงานรัฐ 14,643 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,833 ล้านบาท                                

         สำหรับ การกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 รวมถึงเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 36,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 25,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น 11,000 ล้านบาท เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง                       

         นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2561 โดยกำหนดวงเงินรวมที่ 1.50 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ 582,026 ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้เดิมวงเงิน 920,950 ล้านบาท รวมทั้งรับทราบแผนการบริหารหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติจากครม.อีก 161,433 ล้านบาท                                                                                     

        ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้คาดการณ์ระดับหนี้สาธารณะ ต่อจีดีพี และภาระหนี้ต่องบประมาณในระยะ 5 ปี ประกอบด้วยปีงบประมาณ 2561-2565 โดยยืนยันว่า ยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไม่เกิน 60% ของจีดีพี และสัดส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณไม่เกิน 15% โดยประมาณการว่าปีงบประมาณ 2561 หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 42.7% และ 44.8% ในปีงบประมาณ 2562 ส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณปี 2561 คาดอยู่ที่ 9% และ 9.3% ในปีงบประมาณ 2562 

                                                                                                                                                                               

                ปีงบประมาณ                                                        

สัดส่วน (%)            2561       2562       2563       2564       2565      

หนี้สาธารณะคงค้าง/ GDP  42.7        44.8        46.9        48.6        49.6       

ภาระหนี้/งบประมาณ            9              9.3          9.7          10.3        10.7       

  รายละเอียดกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลาง (Medium -Term Debt Management Strategy : MTDS) และแนวทางการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ 2561 –2565              

                                                                               

1. เป้าหมายในการบริหารหนี้ระยะกลาง (MTDS Target) ปีงบประมาณ 2561 –2565                 

  คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้เห็นชอบกลยุทธ์การบริหารหนี้ระยะกลางโดยกำหนดเป้าหมายสัดส่วนหนี้(Target Debt Composition) ระยะกลาง 5 ปี (ปีงบประมาณ 2561-2565) และตัวชี้วัด 1 ปี (ปีงบประมาณ 2561)เพื่อใช้ในการกำกับการกู้เงินและบริหารหนี้สาธารณะให้บรรลุวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถระดมทุนได้ครบเต็มจำนวน มีต้นทุนการกู้เงินต่ำในระยะยาวและอยู่ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศและเพื่อเป็นการควบคุมตัวชี้วัดความเสี่ยงทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ รายละเอียดปรากฏตามตารางข้างล่าง ดังนี้                                                                                                                                                                                                                         

                                                                                                                                                                                                                               

ตารางเป้าหมายในการบริหารหนี้ระยะกลางสำหรับปีงบประมาณ 2561-2565           

และตัวชี้วัดความเสี่ยงของหนี้รัฐบาลประจำปี2561                         

ตัวชี้วัด    ตัวชี้วัด 5 ปี (MTDS)              ตัวชี้วัด 1 ปี            

                (ปีงบประมาณ2561-2565)  (ปีงบประมาณ 2561)           

ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน         ปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อสภาวะตลาดเอื้ออำนวย

(Foreign Exchange Risk)  การกู้ใหม่ควรปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทันที   

ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย(Interest Rate Risk)            คงสัดส่วนหนี้อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85ของหนี้ทั้งหมด               คงสัดส่วนหนี้อัตราดอกเบี้ยคงที่              

                คงสัดส่วนหนี้ที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ย(Debt re-fixing)ใน 1 ปีให้อยู่ในกรอบร้อยละ18 -24          ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85ของหนี้ทั้งหมด                               

                ของหนี้ทั้งหมด       คงสัดส่วนหนี้ที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ย(Debt re-fixing)ใน 1 ปีให้อยู่ในกรอบร้อยละ15– 20ของหนี้ทั้งหมด

ความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้(Refinancing Risk)               ขยายอายุเฉลี่ยของหนี้(Average time to maturity)ของหนี้รัฐบาลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 14 ปี ขยายอายุเฉลี่ยของหนี้(Average time to maturity)ของหนี้รัฐบาลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 12 ปี                              

                คงสัดส่วนหนี้ที่ครบกำหนดชำระใน 1 ปี ให้อยู่ในกรอบร้อยละ10-14 ของหนี้ทั้งหมด คงสัดส่วนหนี้ที่ครบกำหนดชำระใน 1 ปี ให้อยู่ในกรอบร้อยละ8 -12 ของหนี้ทั้งหมด                   คงสัดส่วนหนี้ที่ครบกำหนดชำระใน 3 ปี ให้อยู่ในกรอบร้อยละ25-30 ของหนี้ทั้งหมด     คงสัดส่วนหนี้ที่ครบกำหนดชำระใน 3 ปี ให้อยู่ในกรอบร้อยละ30 -35 ของหนี้ทั้งหมด                                                                                                                                                                                        

Inflation-Linked Bond (ILB)               คงสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 5 ของหนี้ทั้งหมด                                                                                                                                                                                                         

2. แนวทางการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ (SOEs Debt Management Strategy)                                                                                                                                                                                                                         

   คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์ในการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจให้มีแนวทางการบริหารต้นทุนและความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังจึงเห็นควรกำหนดแนวทางการบริหารหนี้รัฐวิสาหกิจ ภายใต้หลักการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset-Liability Management: ALM) โดยบริหารกระแสเงินสดจากสินทรัพย์และหนี้สินให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ เนื่องจากความเสี่ยงด้านหนี้ของรัฐวิสาหกิจอาจส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งรวมถึงภาระในการชำระหนี้แทนและการให้เงินอุดหนุนแก่รัฐวิสาหกิจ การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมจะช่วยลดความผันผวนของภาระหนี้และลดความเสี่ยงต่อภาระทางการคลังของรัฐบาลได้ รัฐวิสาหกิจแต่ละรายจึงควรมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยง ดังนี้                               

                                                                                               

ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน              

   กรณีรัฐวิสาหกิจมีรายได้เป็นเงินบาทและไม่มีสินทรัพย์หรือรายได้อื่นๆ ที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้รัฐวิสาหกิจเร่งปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศ (โดยการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆเช่น การทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) การซื้อเงินตราต่างประเทศและฝากไว้ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign currency deposit: FCD) หรือการแปลงหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นหนี้สกุลเงินบาท (Cross currency swap)) และหากมีการก่อหนี้ใหม่ในสกุลเงินต่างประเทศ ควรดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทันทีกรณีรัฐวิสาหกิจมีสินทรัพย์หรือรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจควรบริหารสัดส่วนสกุลเงินของรายได้และรายจ่ายให้มีความสอดคล้องกัน (Natural Hedge) เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 

                                                               

ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย                                                                                                                                                                  

   รัฐวิสาหกิจควรบริหารสัดส่วนหนี้อัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านต้นทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดรัฐวิสาหกิจควรประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยต่อภาระหนี้ในแต่ละปี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือกู้เงินให้เหมาะสม               

ความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้                                                                                                                                                                    

   รัฐวิสาหกิจควรพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือกู้เงินให้สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนของโครงการ เช่น การลงทุนในโครงการระยะยาว ควรใช้เงินกู้ที่มีระยะเวลาสอดคล้องกัน                                                                                                                                                                                                                             

   รัฐวิสาหกิจควรกระจายภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในแต่ละปีไม่ให้กระจุกตัวมากจนเกินไป โดยเฉพาะหนี้ที่จะครบกำหนดในระยะ 1-3 ปี เพื่อลดความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ และควรคำนึงถึงความสามารถในการใช้เครื่องมือกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐวิสาหกิจตามสภาวะตลาด             

                                                                                                               

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย            

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!