- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 02 August 2017 23:03
- Hits: 10647
รมว.คลัง เผยมาตรการช่วยคนจน คาดเข้าครม.ได้ 2-3 สัปดาห์นี้ เตรียมสรุปผลกระทบน้ำท่วมทั่วปท. เร็วๆ นี้
รมว.คลังเผยมาตรการช่วยคนจนคาดเข้าครม.ได้ 2-3 สัปดาห์นี้ ยันสำนักงบฯ หั่นวงเงินเหลือ 4.6 หมื่นลบ. จาก 5 หมื่นลบ. ยังเพียงพอ พร้อมเตรียมสรุปผลกระทบน้ำท่วมทั่วปท. เร็วๆ นี้ ชี้เลขากอช.ลาออก ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ชี้เลขาฯ คนใหม่ต้องทำเป้าสมาชิกให้ถึง 1 ล้านคนในสิ้นปี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบรางวัลกองทุนหมุนเวียนดีเด่นว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังมีปัญหาโครงสร้างของรัฐบาลทีดำเนินนโยบายสั้นมาเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เป็นประเทศกำลังพัฒนา และไม่สามารถคิดหานโยบายดูแลประเทศในระยะยาวได้ ทำให้รัฐบาลในปัจจุบันเร่งส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นจุดเปลี่ยน และส่งเสริมการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อให้เป็นไปตามแผนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ที่ระบุว่า ภายใน 20 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
“ยอมรับว่าประเทศไทยยังอ่อนการวิจัยและพัฒนา เรายังไม่สามารถคิดอะไรที่เป็นของตัวเองได้ ดังนั้นหลังจากนี้เราจะต้องเร่งส่งเสริมผลักดันให้เกิดขึ้น เช่น สตาร์ทอัพจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นเร็ว โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องให้โอกาส เพราะสิ่งที่เขาคิดอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจได้”นายอภิศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าของกองทุนประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเงินในกองทุนดังกล่าวจะเป็นเงินที่นำมาใช้ดำเนินการในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. วาระ 2 และคาดว่าภายใน 2-3 สัปดาห์จะเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเข้าคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ได้ สำหรับวงเงินเข้ากองทุนดังกล่าว สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรวงเงินของงบประมาณปี 2561 วงเงินทั้งสิ้น 46,000 ล้านบาท ลดลงจากวงเงินที่ตั้งไว้ 50,000 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ยังเพียงพอต่อการบริหารจัดการและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างแน่นอน
ด้านผลกระทบน้ำท่วมในหลายพื้นที่นั้น ขณะนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่กับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงบประมาณ เพื่อติดตามสถานการณ์ และมาตรการในการช่วยเหลือต่อไป ขณะที่เบื้องต้น ประเมินว่า หากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายเร็ว เชื่อว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนล่าสุดกรณีที่เลขาธิการ กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. ได้ประกาศลาออกจากนั้น ยืนยันว่า กอช.ไม่จำเป็นต้องรายงานให้กระทรวงการคลังรับทราบ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะทำงาน หรือ บอร์ดของกอช.ในการพิจารณา นอกจากนี้ บุคคลที่เข้ามารับหน้าที่ในการบริหารแทน จะต้องดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยปัจจุบัน กอช.ตั้งเป้าหมายมีสมาชิกทั้งสิ้น 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 500,000 กว่าราย
ด้านกรณีที่เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น 2% ในกลุ่มสุรา ยาสูบ เพื่อเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุ วงเงิน 4,000 ล้านบาทนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาเงินงบประมาณในการช่วยเหลือกลุ่มคนดังกล่าวมีค่อนข้างน้อย จึงเสนอแนวคิดดังกล่าวเพื่อนำเข้ากองทุนโดยกำหนดการจัดเก็บต่อปีไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังเตรียมหามาตรการจูงใจเพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะสละสิทธิในการรับเบี้ยผู้สูงอายุ และนำเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยต่อไป
ในปัจจุบันกองทุนหมุนเวียนภายใต้การกำกับดูแลของกรมบัญชีกลางมีทั้งสิ้น 116 กองทุน มีสินทรัพย์ที่ 3.7-3.8 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่มีสินทรัพย์ขนาดค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นกระทรวงการคลังจะต้องบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเกิดปัญหาในอนาคต ซึ่งล่าสุดพ.ร.บ.กองทุนหมุนเวียนได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แล้ว โดยหลักการของพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น กำหนดทั้งจุดประสงค์ในการจัดตั้ง และเพดานวงเงินของกองทุน เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนนั้นมีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน เช่น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยเหลือด้านเกษตร เอสเอ็มอี เป็นต้น โดยการทำงานนั้นจะต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการที่ดี ขณะเดียวกัน กฎหมายฉบับดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการควบคุมการจัดตั้ง จะต้องมีคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนเพื่อพิจารณาการจัดตั้งกองทุนไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกองทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่วงเงินที่มีในกองทุนนั้นหากมีเงินเหลือส่วนเกินจะต้องนำเข้าคลัง เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป
“ที่ผ่านมาก็มีคณะกรรมการคอยพิจารณากลั่นกรองสำหรับกองทุนที่ไม่เคลื่อนไหว หรือ Active จะสอบถามไปยังหน่วยงานว่าจำเป็นอยู่หรือไม่ หากไม่จำเป็นอาจเสนอให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณายกเลิกกองทุนเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแปลงกองทุนไปกระทรวงอื่นก็สามารถทำได้ เพื่อให้การทำงานเกิดประโยชน์”นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย