- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 22 April 2017 21:57
- Hits: 9664
คลังรื้อประกันภัย พืชผลวาง 2 แนวหวังเพิ่มสิทธิประโยชน์ชาวนา
แนวหน้า : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับสมาคมประกันวินาศภัย เพื่อปรับเงื่อนไขการรับประกันภัยของเกษตรกรตามโครงการประกันภัยพืชผลสำหรับการทำนาปีรอบใหม่ โดยเบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ ส่วนแรกให้ความคุ้มครองเท่าเดิมไร่ละ 1,111 บาท แต่รัฐจะขอลดค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไร่ละ 100 บาทให้ถูกลง หรือกรณีที่สอง จ่ายเบี้ยเท่าเดิมไร่ละ 100 บาท แต่จะขอความคุ้มครองเพิ่มขึ้นมากกว่าไร่ละ 1,111 บาท ซึ่งเมื่อรวมการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตของรัฐให้ไร่ละ 1,000 บาท จะทำให้ชาวนาได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับต้นทุนการขอสินเชื่อมาทำนาที่ตกไร่ละ 3,000 บาท
สำหรับ ข้อสรุปคาดว่าจะชัดเจนก่อนเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนฤดูกาลเพาะปลูกนาปีรอบใหม่ โดยโครงการประกันภัยพืชผลรอบนี้ ตั้งเป้าหมาย ว่าจะสามารถดูแลเกษตรกรที่เป็นชาวนา ได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา หรือราว 30 ล้านไร่ทั่วประเทศ
ขณะที่แนวทางการจ่ายค่าเบี้ยประกัน คาดว่าจะยังคงใช้แนวทางเดิม คือกรณีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป็นลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อมาขอสินเชื่อจะให้ทำประกันภัยนาข้าวไปด้วยโดยที่เกษตรกรไม่ต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกัน 100 บาท เพราะทาง ธ.ก.ส.สนับสนุนจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ 40 บาท และรัฐบาลสนับสนุนให้ 60 บาท ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.สามารถซื้อประกันภัยได้โดยออกค่าเบี้ยประกันเอง 40 บาท และรัฐบาลออกให้ 60 บาท
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มพืชผลอื่นเข้าร่วมโครงการ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนมันสำปะหลังคงเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นพืชที่อยู่ใต้ดินประเมินความเสียหายได้ยาก ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมินพื้นที่ประสบภัย และจ่ายค่าชดเชยให้กับชาวนาที่ประสบภัย ได้เป็นธรรมมากขึ้น เช่น การนำการวัดดัชนีน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ หรือเวียเธอร์ อินเด็กซ์ มาใช้คำนวณ เนื่องจากวิธีการเดิมที่อาศัยประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เป็นวิธีประกาศแบบเหมารวมไปทั่วอำเภอ ทั่วจังหวัด ทำให้ชาวนาบางรายแม้พื้นที่ไม่เสียหายก็จะได้รับเงินชดเชยไปด้วย
"โครงการประกันภัยพืชผล จะเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของรัฐในการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืน และมั่นใจว่า ครอบคลุมการคุ้มครองความเสี่ยงแก่เกษตรกรรายย่อยที่มีนาไม่กี่ไร่ได้เกือบทั่วประเทศ แต่ไม่รวมเกษตรกรรายใหญ่ที่มี ที่นาเป็นร้อยเป็นพันไร่ ซึ่งกลุ่มนี้สามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว"
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการประกันภัยพืชทางการเกษตรเมื่อปีที่แล้ว มีชาวนาเข้าร่วมกว่า 27 ล้านไร่ โดยรัฐใช้งบประมาณไปกว่า 2,700 ล้านบาท เพื่อใช้ระบบประกันภัยมาช่วยบริหารความเสี่ยงในการเพาะปลูกข้าว ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้และศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยจำนวนเงินความคุ้มครองสำหรับ 6 ภัยแรก อยู่ที่ 1,111 บาทต่อไร่ และสำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 555 บาทต่อไร่
