WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Customสมชย สจจพงษปลัดคลัง เตรียมถกมาตรการดูแลเกษตรกรรายได้น้อย เล็งตั้งกระดานหุ้นสตาร์ทอัพก.ค.นี้

      ปลัดคลังเผยเตรียมถกหามาตรการดูแลเกษตรกรรายได้น้อยอย่างยั่งยืนในวันพรุ่งนี้  ยกโมเดลญี่ปุ่น - สหรัฐเป็นตัวอย่าง เตรียมแก้กฎหมายช่วยผู้ประกอบการใหม่ ก่อนชงครม.ในเดือนก.ค.นี้ เล็งคุยตลท.ตั้งกระดานหุ้นสตาร์ทอัพในก.ค.นี้ คาดมีบริษัทเข้าร่วมกว่า 100 ราย ส่วนเรื่องภาษีชินยันสรรพกรไล่บี้เต็มที่

  นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการสัมมนาวิชาการ ทิศทางของนโยบายเพื่อเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 ว่า ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ ตนและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหามาตรการใหม่ในการดูแลคุณภาพชีวิตและรายได้เกษตรกร ให้ยั่งยืนในระยะยาว เพื่อเป็นลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ และลดภาระของรัฐบาลในการดูแลด้วย

 "ที่ผ่านมา รมว.คลังได้สั่งการบ้าน ว่าให้หาแนวทางในการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยแนวใหม่ ซึ่งถือว่าโจทย์ใหญ่ เพราะที่ผ่านมาทุกรัฐบาลแม้จะมีมาตรการในการช่วยเหลือและดูแล แต่ทำไมเกษตรกรในประเทศไทยไม่รวยเหมือนญี่ปุ่น สหรัฐ จึงอยากให้ไปดูว่าประเทศดังกล่าวรัฐบาลเขามีมาตรการอะไรที่เราไม่เคยทำ เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปาก ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยที่เมื่อช่วยเหลือไปแล้วก็ต้องไปชำระหนี้เดิม เราต้องดูว่ามีอะไรที่บกพร่องต้องเร่งแก้ อย่างเช่นตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า แม้เราจะมีแต่ประสิทธิภาพยังไม่ดี ก็ต้องไปเร่งดำเนินการว่าจะทำอย่างไร จะยกระดับได้หรือไม่ เพื่อให้ในอนาคตจะได้ไม่ต้องมีการประกันราคาข้าว หรือ จำนำข้าวเหมือนเช่นที่ผ่านมา"นายสมชัย กล่าว

 นายสมชัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ การปฏิรูปเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรที่ร่ำรวย เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแบบถาวร ส่วนแนวทางจะเป็นอย่างไรนั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ คงต้องรอการประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุป

  ในส่วนของมาตรการลงทะเบียนสำหรับผู้มีรายได้น้อยในที่จะเปิดในวันที่ 3 เมษายนนี้นั้น ในเบื้องต้นจะมีมาตรการรถโดยสาร รถไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ที่จะช่วยเหลือสำหรับผู้มีรายได้น้อย ขณะที่มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน และประกันชีวิต 99 บาทนั้นคาดว่าจะเป็นมาตรการที่จะตามมาในอนาคต

  นายสมชัย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้นั้น มองว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังมีมาตรการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าให้กับภาคเอกชน ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเตรียมหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้เอกชนเข้าไปลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการแพทย์ ด้านไอที เป็นต้น

   นอกจากนี้ ในเร็วๆนี้จะมีการประชุมเพื่อหามาตรการ และความคืบหน้าของอุปสรรคและปัญหาสำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่ปัจจุบันพบว่า ไทยยังมีกฎหมายหลายฉบับที่ล้าสมัย และเป็นอุปสรรคในการลงทุน เช่น ในเรื่องของ ฟินเทค และอื่นๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลัง และหน่วยงานด้านกฎหมายจะร่วมกันลงนามความร่วมมือ เพื่อแก้ไขกฎหมายต่างๆ โดยคาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จและเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

  ขณะเดียวกัน ยังจะเชิญตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เพื่อหาแนวทางในการตั้งกระดานหุ้นสตาร์ทอัพขึ้น โดยจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงจะกำหนดให้มีหลักสูตรเกี่ยวกับสตาร์ทอัพเกิดขึ้นด้วย โดยคาดว่าการดำเนินการเรื่องกระดานหุ้นจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และคาดว่าจะมีสตาร์ทอัพกว่า 100 รายเข้ามาอยู่ในกระดานหุ้นดังกล่าว

    ส่วนกรณีการเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้กรมสรรพากรได้ทำหน้าที่เต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งล่าสุดได้ปิดประกาศประเมินภาษีที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่กรมสรรพากรทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่นายทักษิณ สามารถอุทธรณ์ได้ ถ้าอุทธรณ์แล้วไม่เป็นที่พอใจ ก็สามารถยื่นศาลภาษีได้ 

   ส่วนการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้คดีภาษีดังกล่าวมีความยืดเยื้อจนเกือบหมดอายุความ โดยได้ตั้งคณะกรรมการแล้ว โดยมีนายยุทธนา หยิมการุณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ มีความคืบหน้า 50-60% โดยต้องรอสรุปว่าใครผิดใครถูก ใครเกี่ยวข้องบ้าง ผิดวินัยมากน้อยแค่ไหน จึงดำเนินการลงโทษต่อไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!