- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 15 March 2017 06:56
- Hits: 5618
รมว.คลัง ยันสิ้นปี 60 การรับ-จ่ายเงินภาครัฐฯทั้งหมด จะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
รมว.คลัง เผยภายในสิ้นปี 60 การรับ-จ่ายเงินของภาครัฐ จะดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพิ่มความสะดวกทั้งผู้ให้และผู้ใช้บริการ พร้อมหนุนผู้ประกอบการติดตั้งเครื่อง EDC ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมต่ำสุดในโลกที่ 0.55% และต่อยอดใช้สำหรับบริการอื่นๆได้อีก
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปี 2560 การใช้จ่ายเงินของภาครัฐ ทั้งการรับ-จ่ายเงิน จะต้องดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังเป็นประธานร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างอนุกรรมการคัดเลือกและกำกับดูแลผู้ให้บริการวางอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และผู้มีสิทธิ์ให้บริการวางอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ECD จะส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้บัตรเดบิตกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันคนไทยมีบัตรเดบิตทั้งสิ้น 54 ล้านใบ และมีเครื่องรับบัตร 400,000 กว่าเครื่อง แต่เมื่อเทียบกับประชากรในประเทศแล้ว ยังถือว่าน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งปริมาณการใช้บัตรและรูดในการซื้อสินค้าและบริการยังไม่มากนัก
สำหรับ ผู้ให้บริการติดตั้งเครื่อง ECD 2 ราย คือ กลุ่ม Consortium ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK และกลุ่มกิจการค้าร่วมโครงการอีเพย์เม้นท์ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK คิดค่าธรรมเนียมการรับบัตรเดบิตจากร้านค้าไม่เกิน 0.55% ถือว่าอัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในโลก นอกจากนี้ผู้ให้บริการทั้งสองกลุ่มจะไม่เก็บค่าเช่าและค่าติดตั้งอุปกรณ์ฯแต่อาจเก็บค่ามัดจำเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย ซึ่งร้านค้าจะได้คืนเมื่อยกเลิกการใช้บริการ
ขณะที่ภาครัฐได้มีมาตรการช่วยเหลือร้านค้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ โดยให้ร้านค้าสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการรับบัตร ไปหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 2 เท่า จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และจะมีมาตรการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้บัตร และติดตั้งเครื่อง EDC ด้วย โดยจะมีรางวัลสำหรับผู้ติดตั้งเครื่องซึ่งจะได้รับรางวัลจากการจับรางวัลทุกเดือน มูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ผู้ใช้บริการ ก็จะมีโอกาสได้รางวัลเช่นเดียวกัน เดือนละ 1 ล้านบาท โดยจะโปรโมทดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 ปี รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 84 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะสามารถต่อยอดการใช้เครื่องรับบัตรกับบริการอื่นได้ เช่น โครงการตั๋วร่วม และบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย