- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 12 March 2017 22:21
- Hits: 13355
รมว.คลัง ดันรัฐวิสาหกิจรวมพลังเร่งลงทุนต่อเนื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปท.-ปรับองค์กรสอดรับยุทธศาสตร์ชาติ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวในการสัมมนาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ (SOE CEO Forum) ว่า ในปีนี้รัฐบาลยังวางเป้าหมายให้การลงทุนภาครัฐ ทั้งการลงทุนของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการลงทุนของภาคเอกชนที่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
"ขนาดของรัฐวิสาหกิจไทยใหญ่มาก แต่ละแห่งมีหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นเมื่อมารวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสานความร่วมมือกันจะทำให้มีพลังที่ยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะในด้านการลงทุนที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ และยืนยันว่าเรื่องเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่มีปัญหา ยังมีความสามารถในการลงทุนอีกมาก" นายอภิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจมาจากหลายส่วน ทั้งเม็ดเงินของหน่วยงานเอง วงเงินกู้ การร่วมทุนกับเอกชนในรูปแบบ PPP ซึ่งเหมาะสำหรับหน่วยงานที่ยังขาดเม็ดเงินลงทุน และการระดมทุนผ่านไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มีการพัฒนาบทบาทการทำงานอย่างต่อเนื่องเช่นกันด้วยการเป็นผู้ถือหุ้นเชิงรุก ผ่านคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวแทนของกระทรวงการคลังที่ต้องเพิ่มบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ขององค์กรให้เดินหน้าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือเน้นเพียงการสร้างรายได้เพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งต้องมีการวางยุทธศาสตร์การทำงานในระยะยาว 5-10-20 ปี ควบคู่กันไปด้วย
อย่างไรก็ดี ยังเน้นย้ำเรื่องธรรมาภิบาล ซึ่งรัฐวิสาหกิจต้องมีวิสัยทัศน์เรื่องนี้บรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ด้วย ให้ใช้ธรรมาภิบาลในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจในงานสัมมนา SOE CEO Forum ว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปีนี้มีสัญญาณที่ดี ซึ่งพอจะเริ่มเห็นได้จากการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นจากการสำรวจของหลายหน่วยงาน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย รวมทั้งผลการสำรวจของเจโทรเรื่องความเชื่อมั่นของนักธุรกิจญี่ปุ่นต่อการทำธุรกิจในไทย รวมทั้งความชัดเจนจากโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งแตกต่างจากปีก่อนที่ยอมรับว่ารัฐบาลมีความหนักใจในการบริหารเศรษฐกิจประเทศ ท่ามกลางการขาดความมั่นใจจากทั้งภาคเอกชนและประชาชน การส่งออกที่ไม่ดีจากผลของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ
นายสมคิด มองว่า ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนหรือผลักดันความเชื่อมั่นของเอกชนขึ้นได้ นั่นคือ การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งรวมทั้งรัฐวิสาหกิจ โดยหลังจากรัฐบาลได้เร่งรัดการเบิกจ่ายลงทุน พบว่าช่วงไตรมาส 4/59 การเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจมีอัตราการเติบโตสูงถึง 26% เพิ่มขึ้นอย่างมากจากในช่วงไตรมาส 3/59 ที่การเบิกจ่ายมีอัตราการเติบโตเพียง 8%
"ยอมรับว่า ในปีก่อนค่อนข้างหนักใจจากสถานการณ์ต่างๆ เพราะความมั่นใจของประชาชนและเอกชนไม่มี การส่งออกก็ไม่ดี ภายใต้ภาวะนี้ไม่มีอะไรจะสามารถผลักดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจให้ติดได้เลย เพราะฉะนั้นความเชื่อมั่นจึงมาอยู่ที่การใช้จ่ายของภาครัฐ ปีที่ผ่านมาทั้งปีต้องขอบคุณรัฐวิสาหกิจมากๆ รัฐบาลก็รู้ว่าเสียมารยาทที่บางทีต้องเข้าไปเขย่า เพราะถ้าไม่ทำ เราก็จะไม่รับรู้สถานการณ์ความเป็นจริงของประเทศ" นายสมคิด กล่าว
พร้อมระบุว่า เมื่อเอกชนเริ่มมีความมั่นใจที่จะลงทุน ประกอบกับสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศในปีนี้เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าในปีก่อนๆ แต่รัฐบาลยังไม่วางใจและจะพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ประเทศยังจำเป็นต้องอาศัยการลงทุนจากภาคเอกชนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ขอฝากให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกล้าที่จะออกแบบยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กรในระยะยาว การปรับปรุงกฎเกณฑ์หรือกฎระเบียบที่ล้าสมัยหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และการปรับตัวจากระบบอะนาลอกสู่ระบบดิจิตอลให้เร็วที่สุด รวมทั้งเป็นองค์กรที่มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องช่วงที่การใช้จ่ายของภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ดังนั้นเพื่อให้รัฐวิสาหกิจเป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจร่วมกับขับเคลื่อนในประเด็นที่สำคัญดังนี้
1.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ ครม.กำหนดที่ 95% ของกรอบงบลงทุนทั้งปี และให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front Load)
2.จัดทำแผนรัฐวิสาหกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยให้นำกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ไทยแลนด์ 4.0 และแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจในภาพรวมมาเป็นกรอบในการจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจ
3.สนับสนุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่เชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค รวมทั้งการนำโครงการลงทุนที่มีศักยภาพมาระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
4.การผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรสมรรถนะสูงที่มีธรรมาภิบาล โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสามารถให้บริการที่มีคุณภาพแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง
สำหรับ การจัดสัมมนา SOE CEO Forum ครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ของการเป็นหุ้นส่วนเชิงรุก โดยให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการบริหารงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และการจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจและการช่วยให้รัฐวิสาหกิจสามารถจัดทำแผนงานในระยะสั้นและระยะยาวให้มีความชัดเจนขึ้น
อินโฟเควสท์