- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 08 February 2017 22:46
- Hits: 8790
รมว.คลังหวังปี 60 ศก.โตตามศักยภาพ 4-5% วอนเอกชนช่วยลงทุน เชื่อ NPL แบงก์ จะดีขึ้นภายใน 6 เดือน ตามศก.ฟื้นตัว
รมว.คลังหวังปี 60 ศก.โตตามศักยภาพ 4-5% วอนเอกชนลงทุนช่วยกระตุ้นศก. เชื่อ NPL แบงก์พาณิชย์ไทย จะดีขึ้นภายใน 6 เดือน หลังศก.ส่งสัญญาณฟื้นตัว แย้มกำลังจัดทำพ.ร.ฎ.กำหนดเพดานเงินสะสมกองทุนหมุนเวียน หลังพบบางกองทุนมีเงินเกินความจำเป็น คาดปีนี้ได้เงินส่งคืนคลังเพิ่มกว่า 1.2 หมื่นลบ.
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 2560 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไว้ที่ 3.6% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 3.4% ซึ่งตนมองว่า มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะสามารถโตได้ตามศักยภาพ หรือที่ 4-5% แต่ทั้งนี้ จะต้องขึ้นอยู่กับภาคเอกชนว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยยอมรับว่า ตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชนที่ระดับ 2.7% ที่สศค.ประกาศออกมานั้นค่อนข้างต่ำ เพราะที่ผ่านมา ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวภาคเอกชนมีการลงทุนเป็นตัวเลข 2 หลักขึ้นไป
“เราก็หวังว่าเศรษฐกิจจะโตได้ตามศักยภาพ แต่ก็ทั้งหมดต้องอยู่ที่เอกชนจะลงทุนไหม มาตรการที่เราออกไปแล้วก็หวังว่าจะเกิดการลงทุนเกิดขึ้น แต่เราก็เข้าใจว่า เวลาลงทุนนั้นเขาจะต้องเห็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเขาเอง ซึ่งในแต่ละอุตสาหกรรมก็มีความแตกต่างกัน”นายอภิศักดิ์ กล่าว
ส่วนความกังวลเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบสถาบันการเงินที่อยู่ในระดับสูงนั้น มองว่า เป็นวัฏจักรของระบบสถาบันการเงิน โดยเอ็นพีแอลที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบันนั้น สะท้อนภาพเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาที่ค่อนข้างแย่ ส่งผลให้เอ็นพีแอลขยับขึ้นมา แต่เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะเห็นเอ็นพีแอลค่อยๆขยับลง ซึ่งตนมองว่าหลังจากนี้ 6 เดือน เอ็นพีแอลจะเริ่มดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่สมาคมสภาคนพิการ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อสั่งระงับกระทรวงการคลังเรียกคืนเงินจากกองทุนคนพิการ 2,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการกำกับการบริหารทุนหมุนเวียน ได้พิจารณาข้อมูล เรื่อง การทำกฎหมายลำดับรอง รวมถึง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ.... ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560
“ในส่วนของการเรียกเงินคืนนั้น อย่างกฎหมายของกองทุนหมุนเวียน เราจะมีการกำหนดวงเงินเพดานสะสมสูงสุดว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ กองทุนมีความจำเป็นแค่ไหน ซึ่งหากมีเงินเหลือก็จะต้องนำส่งคืนคลังด้วย เพื่อกลับมาเป็นทุนหมุนเวียนชั่วคราว”นายอภิศักดิ์ กล่าว
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 114 กองทุน มีสินทรัพย์รวม 3.194 ล้านล้านบาท เป็นเงินสด เงินฝากคลัง และธนาคารที่ 0.434 ล้านล้านบาท ส่วนกรณีที่สมาคมสภาคนพิการยื่นฟ้องศาลปกครองนั้น ขอชี้แจงว่า จากการประชุมคณะกรรมการแล้ว มีมติเรียกเงินคืนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2560 กระทรวงการคลังจะเรียกเงินคืนจากกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 10 กองทุน รวมทั้งสิ้น 12,017 ล้านบาท ซึ่งหากปรับลดในส่วนของคนพิการลงจะเหลือวงเงินรวมทั้งสิ้น 11,017 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการร้องเรียนในกรณีการเรียกคืนดังกล่าว
“ขณะนี้เรากำลังทำกฎหมายลูกอยู่ในเรื่องของการกำหนดเพาดานความต้องการใช้เงินในอนาคต รวมถึงดูสภาพคล่องของกองทุนหมุนเวียนของแต่ละกองทุน หากพบว่า มีเงินอยู่ในกองทุนใดที่เกินจำเป็น และไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจก็จะเรียกคืนกลับมายังคลัง แต่หากพบว่า กองทุนใดมีเงินต่ำกว่าเพดานที่กำหนด ก็สามารถใส่เงินเพิ่มเติมเข้าไปได้เช่นกัน”นายสมชัย กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย