WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ปลัดคลัง มั่นใจ จีดีพีปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 2% หลังศก. ฟื้นตัว เตรียมขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 7-8% เม.ย.ปีหน้า

   ปลัดคลัง ประเมิน จีดีพีไทยปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 2% การบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงการลงทุน - ส่งออกเริ่มกลับมาฟื้นตัว พร้อมทุ่มงบ 2 หมื่นลบ. ปรับขึ้นเงินเดือนขรก 7-8% แต่ยอมรับอาจไม่ทันเดือนต.ค. แต่จะได้เห็นช่วงเดือนเม.ย.ปีหน้า ด้านปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งยังไม่กังวล เชื่อต่อจากนี้จะเริ่มลดลงหลังชาวนาได้รับเงินจำนำข้าวเรียบร้อย พร้อมหนุน คสช. ตั้งเขตศก.พิเศษชายแดน 5 พื้นที่ ช่วยลดปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง ด้านภาษีชาเขียวยืนยันยังเดินหน้าต่อ แต่อาจจะเก็บไม่ถึงกรอบ 10-20% 

    นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% อย่างแน่นอน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคและการใช้จ่ายของภาคประชาชนที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่เริ่มฟื้นตัว เห็นได้จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน               

   "ขณะนี้ทุกอย่างเริ่มกลับมาแล้ว โดยเฉพาะการบริโภคภาคประชาชน การลงทุนต่างๆเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังการบริหารราชการของคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คสช.ส่งผลให้นักลงทุน ประชาชนมีความมั่นใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศค่อนข้างมาก ทุกอย่างเลยเริ่มกลับมาฟื้นได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับ คสช.มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเร่งด่วน เช่น การคืนเงินในโครงการรับจำนำข้าวให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว วงเงิน 92,000 ล้านบาท และระยะสั้นในการเดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ ขณะที่ระยะกลางถึงยาวศึกษาการลงทุนต่างๆ สนับสนุนด้านการท่องเที่ยว โดยเตรียมยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นต้น เพื่อเร่งเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งด้วย"นายรังสรรค์ กล่าว

   ส่วนประเด็นเรื่องการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ ยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ทันในเดือน ต.ค. นี้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย. ปี 58 เนื่องจากการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการนั้นขณะนี้นอกจากจะปรับในส่วนของบัญชีเงินเดือน 7-8% แล้วทุกคน ยังต้องพิจารณาในส่วนของเบี้ยเลี้ยง เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยงภาคสนาม หรือการทำงานนอกสถานที่ การปรับเพิ่มในส่วนของค่าครองชีพ ที่อาจพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นจาก 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท โดยหากปรับขึ้นเงินเดือนตามกรอบเวลาดังกล่าวนั้น คาดว่าจะใช้เงินในงบประมาณ คิดเป็นมูลค่า 20,000 ล้านบาท                    

   "การขึ้นเงินเดือนทั้งระบบข้าราชการ เชื่อว่าทุกคนคงได้ปรับเปอร์เซนต์ไม่เท่ากัน คงขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนฐานเงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ หากฐานเงินเดือนน้อยก็มีโอกาสที่จะได้มากกว่า แต่ถามว่าทัน ต.ค. นี้ไหมคงไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะต้องศึกษาในส่วนของการปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงด้วยว่าจะป็นอย่างไร ตอนนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง คงยังต้องศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย" นายรังสรรค์ กล่าว 

   ขณะที่กรณีที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นมาก ว่า จากตัวเลขล่าสุดที่ออกมา ยืนยันว่าหนี้ครัวเรือนเริ่มปรับลดลง โดยตัวเลขเก่าที่หนี้ครัวเรือนที่ระดับ 82.3% นั้นเป็นตัวเลขในช่วงที่ผ่านมา แต่ตัวเลขไตรมาส1/57 ระดับหนี้ครัวเรือนเริ่มปรับลดลงมาอยู่ที่ 79.4% แล้ว หลังจากเกษตรกรได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าววงเงิน 92,000 ล้านบาท "จากข้อมูลของปี 56 หนี้ครัวเรือนมันสูง เพราะมันมีจากหลายแรง อย่างแรกเลยมันขึ้นมาหลังจากน้ำท่วมปี 54 ที่ประชาชนต้องเร่งกู้เงินเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ภาคธุรกิจมีการลงทุนเพิ่ม ขณะทีปี 56 มีโครงการคืนภาษีรถคันแรก ส่งผลให้ประชาชนกู้เงินเพื่อซื้อรถให้เข้าร่วมกับโครงการ นอกจากนี้ยังมีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้เงินด้วย แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเริ่มคลี่คลาย ชาวนาก็ได้รับเงินจำนำข้าวแล้ว มีเงินไหลเข้าสู่ระบบมากถึง 92,000 ล้านบาท ทำให้หนี้ครัวเรือนเริ่มปรับลดลงแล้วในตอนนี้" นายรังสรรค์ กล่าว  

    ส่วนประเด็นเรื่องนโยบายการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นั้น ยอมรับว่า เป็นนโยบายที่ดีในการเร่งพัฒนาตามแนวชายแดน โดยกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษเบื้องต้น 5 เขต ประกอบด้วยด่านสะเดา ปะดัง แม่สอด อรัญประเทศ และคลองลึก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนตามแนวชายแดนเพิ่มมากขึ้น โดยแนวทางที่กระทรวงการคลังจะเร่งการลงทุนเพิ่มเติม คือ เตรียมเสนอยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้อง 8 ปี หากครบกำหนดระยะเวลา 8 ปี แล้วอาจต่ออายุเพิ่มขึ้นอีก 3-5 ปี เป็นต้น เพื่อเป็นนโยบายในการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น              

   การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ นอกจากช่วยเรื่องการลงทุนแล้ว ยังป้องกันแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเมืองเพิ่มมากขึ้นด้วย ป้องกันการแออัดของแรงงาน โดยด้านของการลงทุนนั้นกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางในการยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้อง นอกจากเรื่องของภาษีแล้วยังศึกษาในเรื่องของอัตราผลตอบแทนทางด้านภาษีอาการ และไม่ใช่ภาษีอากรด้วยว่าจะสามารถหาแนวทางในการสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนได้อย่างไรบ้าง" นายรังสรรค์ กล่าว

   ด้านความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ชาเขียว ว่า ขณะนี้ได้เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้คณะ สนช.พิจารณาต่อไป ส่วนการจัดเก็บภาษีจะอยู่ในอัตราเท่าไหร่นั้น คงไม่สามารถระบุได้ในตอนนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ถึงกรอบที่ระบุไว้ที่ 10-20%             

   ถามว่าอัตราจะเป็นเท่าไหร่ อาจไม่ถึง 10% ก็ได้ คงต้องให้หลายๆคนช่วยกันคิดว่าจะเป็นอัตราเท่าไหร่ คงต้องอยู่ที่นโยบายของ คสช.มากกว่า ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเราได้เสนอเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้อนุมัติว่าจะเก็บที่อัตราเท่าไหร่เท่านั้นเอง" นายรังสรรค์ กล่าว

สศค.คาด ขึ้นเงินเดือนข้าราชการดัน จีดีพี ปี 58 โต 0.03-0.06%

   นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ได้ประมาณการผลกระทบเชิงเศรษฐกิจมหภาคจากกรณีที่จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่าหากมีการปรับขึ้นเงินเดือนที่ 7% จะส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2558 ตัวเลข GDP ปรับเพิ่มขึ้น 0.03% และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.59% จากคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2557 ที่ 2.5% และมีเม็ดเงินส่วนใหญ่เพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านทางรายจ่ายประจำของภาครัฐ จำนวน 5.8 พันล้านบาท โดยเฉลี่ยไตรมาสละ 1.5 พันล้านบาท

  หากมีการปรับเพิ่มเงินเดือนที่ 8% จะส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2558 ตัวเลข GDP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.06% และส่งผลให้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.68% จากคาดการณ์ในปี 2557 ที่ 2.5% และมีเม็ดเงินส่วนใหญ่เพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านทางรายจ่ายประจำของภาครัฐจำนวน 1.16 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยไตรมาสละ 3 พันล้านบาท

  "อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และเป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนดที่ไม่เกิน 3%" นายกฤษฎา กล่าว

ปลัดคลัง หนุนตั้งเขตศก.พิเศษชายแดน 5 พื้นที่ ตามแนวทางคสช. หวังกันต่างด้าวเข้าเมือง

   นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นโยบายการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นั้น ยอมรับว่า เป็นนโยบายที่ดีในการเร่งพัฒนาตามแนวชายแดน โดยกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษเบื้องต้น 5 เขต ประกอบด้วยด่านสะเดา ปะดัง แม่สอด อรัญประเทศ และคลองลึก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนตามแนวชายแดนเพิ่มมากขึ้น โดยแนวทางที่กระทรวงการคลังจะเร่งการลงทุนเพิ่มเติม คือ เตรียมเสนอยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้อง 8 ปี หากครบกำหนดระยะเวลา 8 ปี แล้วอาจต่ออายุเพิ่มขึ้นอีก 3-5 ปี เป็นต้น เพื่อเป็นนโยบายในการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น

  "การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ นอกจากช่วยเรื่องการลงทุนแล้ว ยังป้องกันแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเมืองเพิ่มมากขึ้นด้วย ป้องกันการแออัดของแรงงาน โดยด้านของการลงทุนนั้นกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางในการยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้อง นอกจากเรื่องของภาษีแล้วยังศึกษาในเรื่องของอัตราผลตอบแทนทางด้านภาษีอาการ และไม่ใช่ภาษีอากรด้วยว่าจะสามารถหาแนวทางในการสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนได้อย่างไรบ้าง" นายรังสรรค์ กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!