WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GFIMS คลัง เผย หนี้สาธารณะคงค้าง สิ้นต.ค.59 อยู่ที่ 42.71% ของจีดีพี ลดลงจาก 42.77% ของจีดีพี จากเดือนก่อนหน้า

     คลัง เผย หนี้สาธารณะคงค้าง สิ้นต.ค.59 มีจำนวน 5.985 ล้านบาท คิดเป็น 42.71% ของจีดีพี ลดลง 3,211.52 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 5.988 ล้านลบ. หรือ 42.77% ของจีดีพี

  นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ดังนี้

    หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2559 มีจำนวน 5,985,175.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.71 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,491,860.05 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 984,958.41 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 487,049.87 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 21,306.68 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลงเล็กน้อย 3,211.52 ล้านบาท จาก 5,988,386.53 ล้านบาท  หรือ คิดเป็น ร้อยละ 42.77 ของ GDP โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  หนี้รัฐบาล จำนวน 4,491,860.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 20,639.83 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

   • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 52,714 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน

   • การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 30,000 ล้านบาท

   • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 2,178.97 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็น (1) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,150.11 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 776.02 ล้านบาท โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต จำนวน 138.67 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย จำนวน 118.26 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 117.16 ล้านบาท และ (2) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,028.86  ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 619.18 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน จำนวน 391.62 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 18.06 ล้านบาท

   • การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 5,542.80 ล้านบาท แบ่งเป็น

   - การชำระหนี้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 2,209.58 ล้านบาท    การชำระหนี้ที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 516.67 ล้านบาท และการชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 327.78 ล้านบาท

   - การชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,488.77 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ    จำนวน 2,386.84 ล้านบาท และ ดอกเบี้ยต่างประเทศ จำนวน 101.93 ล้านบาท

   • การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 2,798.53 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็นชำระเงินต้น จำนวน 460.10 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,338.43 ล้านบาท

   • หนี้ต่างประเทศลดลง 1,066.79 ล้านบาท เนื่องจากผลจากการเบิกจ่ายน้อยกว่าการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

    หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 984,958.41 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 9,835.88 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

   • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ จำนวน 8,000 ล้านบาท

   • หนี้ต่างประเทศลดลง 2,172.73 ล้านบาท เนื่องจากผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

    หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 487,049.87 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 13,004.46 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจำนวน 13,004 ล้านบาท

   หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 21,306.68 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,011.01 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 934.56 ล้านบาท

    หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2559 จำนวน 5,985,175.01 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,641,976.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.27 และหนี้ต่างประเทศ 343,198.22 ล้านบาท (ประมาณ 9,931.69 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.73 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,146,374.05 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.99 และหนี้ระยะสั้น 838,800.96 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.01 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!