WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gอภศกด ตนตวรวงศรมว.คลัง ยันเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไม่กระทบไทยชี้มีมาตรการรองรับ ยันไทยไม่ต้องรีบขึ้นดบ.ตาม เหตุเงินเฟ้อต่ำ

    รมว.คลัง ยันเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไม่กระทบไทย เหตุมีหนี้ตปท.ต่ำ ไม่หวั่นแม้จะส่งซิกขึ้นอีก 3 ครั้ง ชี้มีมาตรการรองรับ ยันไทยไม่ต้องรีบขึ้นดบ.ตาม เหตุเงินเฟ้อต่ำ รับปีงบ 61 ยังจัดทำงบประมาณขาดดุล มองอีก 8ปี ศก.ไทยถึงจะโตเต็มศักยภาพ และทำงบประมาณสมดุลได้

     นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 0.75% นั้น ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ประกอบกับไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง มีการเกินดุลเดินสะพัด และก่อหนี้ต่างประเทศในระดับต่ำ และการลงทุนของภาครัฐในปัจจุบันใช้เงินลงทุนในประเทศเป็นหลักถึง 96% ขณะที่การก่อหนี้จากต่างประเทศของเอกชนมีสัดส่วนเพียง 4% เท่านั้น ฉะนั้นหากมีเงินทุนไหลออกขณะนี้ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอย่างแน่นอน รวมไปถึงต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลเพื่อมาลงทุนนั้นจะได้รับผลกระทบน้อย เพราะรัฐบาลยืนยันว่าจะใช้เงินกู้จากภายในประเทศเป็นหลัก

    ขณะเดียวกัน เงินทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยนั้นมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นการไหลออกบ้างจะไม่กระทบต่อตลาด ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น ขึ้นอยู่กับเงินทุนไหลเข้าออก ซึ่งไม่น่าเป็นห่วง เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะบริหารจัดการได้

    ส่วนการที่เฟดประกาศทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 อีก 3 ครั้งติดต่อกัน มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณให้ตลาดรับทราบล่วงหน้า เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีการปรับตัว และในส่วนของกระทรวงการคลังเองก็จะต้องหามาตรการในการรองรับ ขณะที่ธปท. มีเครื่องมือในการดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

   ขณะที่ไทยยังไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามสหรัฐ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2.5% บวกลบ 1.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของธปท.ในปีหน้าคาดว่าจะเสนอที่กรอบเป้าหมายปีนี้เช่นเดียวกัน

    “เราเกินดุลค่อนข้างสูง การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยเราไม่ได้มองว่าจะมีเงินไหลออกจากตลาด เพราะตอนนี้มีเงินต่างประเทศอยู่น้อย เรากลับมองว่าจะมีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก ส่วนการเตรียมมาตรการนั้น ในทุกครั้งที่ดำเนินนโยบายเราจะดูทุกประเด็นที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเราคงอธิบายไม่ได้ทั้งหมด”นายอภิศักดิ์ กล่าว

    นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เปิดเผยถึง การจัดทำงบประมาณประจำปี 2561 กระทรวงการคลังยังจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งยืนยันว่าการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลในครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการคลัง เนื่องจากปัจจุบันไทยมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 46.9% เท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ดังนั้นหากประเทศต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศ การจัดทำงบประมาณขาดดุลยังเป็นสิ่งที่จำเป็น

      อย่างไรก็ตาม การจัดทำงบประมาณสมดุลในอนาคตนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะต้องขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งภาคเอกชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน ไม่ใช่รอภาครัฐลงทุนเพียงอย่างเดียวเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า โดยที่ใช้งบประมาณการลงทุนของภาครัฐลดลง ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าประเทศไทยจะสามารถทำงบประมาณสมดุลได้ภายใน 8 ปี นับตั้งต่ปี 2560 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณหลังจากนี้ ไทยจะเน้นในเรื่องเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อกระจายสู่ภูมิภาคให้มากขึ้น และใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยเป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณแบบใหม่ที่กระทรวงการคลังกำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้

    สำหรับ การประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม 18 ประเทศ โดยได้มีการหารือถึงการพัฒนาด้านงบประมาณในปัจจุบันของเอเชียที่เน้นเรื่องการจัดการรายจ่ายภาครัฐ การจัดสรรงบประมาณ และการปฏิรูป เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิผล พร้อมทั้งดูแลเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้โปร่งใส การดำเนินการตามขั้นตอน การปฏิรูป การจัดการด้านการคลังสาธารณะ และการนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของไทยเพื่อให้นานาชาติได้นำไปปรับใช้ ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของแต่ละหัวข้อ เพื่อนำไปปรับใช้ในอนาคตต่อไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!