- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 27 October 2016 18:10
- Hits: 10847
รมว.คลังยันศก.ไทยปีนี้ขยายตัวได้ดีกว่า 3% พร้อมเดินหน้าอีเพย์เม้นท์เต็มระบบปีหน้า - เตรียมใช้ T+2 ช่วง Q3/60
รมว.คลังยันศก.ไทยปีนี้ขยายตัวได้ดีกว่า 3% มั่นใจ Q4/59 ดีต่อเนื่องจาก Q3/59 ดัน อี-เพย์เม้นท์ต่อเนื่อง มั่นใจเดินเครื่องเต็มระบบปีหน้า อัดโปรลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ให้ผู้ประกอบการที่ติดตั้งเครื่อง ADC เผยตลท.ขอเลื่อนใช้ T+2 เป็น Q3/60 หลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มธนาคาร ส่วนตั๋วร่วมรถเมล์-รถไฟ-รถไฟฟ้า ได้ใช้กลางปี 60
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าระบบชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment ว่า โดยภาพรวมเศรษฐกิจกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้มั่นใจว่ายังขยายตัวดีต่อเนื่องจากที่ผ่านมา โดยไตรมาส 4 เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ ขยายตัวได้มากว่า 3% อย่างแน่นอน สะท้อนจากสัญญาณเศรษฐกิจของไทยปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาจนส่งผลกระทบต่อการเติบโต
“ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวไปไป 2-3 วัน ทุกอย่างก็ยังเป็นปกติดี” นายอภิศักดิ์ กล่าว
ส่วนโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐประจำปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาทที่คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อนุมัติล่าสุดนั้น ไม่ได้เป็นเครื่องชี้ว่าเศรษฐกิจขยายตัวไม่ดี แต่เป็นโครงการที่เคยดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่าเมื่อผลของโครงการเป็นไปอย่างดีก็อยากให้ทำอีกเท่านั้น
ด้านความคืบหน้า e-Payment ยอมรับว่าในทุกโครงการมีความล่าช้าออกไป เช่น Promtpay เนื่องจากทดสอบระบบแล้วยังไม่ความคลาดเคลื่อน ส่งผลให้มีความล่าช้าออกไปประมาณ 1 ไตรมาส แต่ถือว่าเป็นเหตุผลที่รับได้ ขณะที่ในโครงการของการโอนเงินระหว่างรัฐกับเอกชน ที่ผ่านมาได้เริ่มทดสอบระบบแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมถึงการโอนเงินสวัสดิการรัฐต่างๆด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และคาดว่าระบบจะสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคมนี้อย่างแน่นอน
สำหรับ ในเรื่องของโครงการตลาดที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการโอนเงินนั้นที่จะใช้รูปแบบการชำระราคาหลักทรัพย์และส่งมอบหลักทรัพย์ภายใน 2 วัน (T+2) จากปัจจุบันเป็นปัจจุบันการซื้อขายในตลาดห้นไทยนั้น ยังเป็นการซื้อขายภายใน 3 วัน (T+3) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มธนาคาร ซึ่งทำให้กระบวนการอาจมีความล่าช้าออกไป 1 เดือน ทำให้แผนการดำเนินการดังกล่าวนั้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ของปี 2560
“ในฝั่งของภาครัฐ จากการจ่ายเงินสวัสดิการจากภาครัฐไปสู่ประชาชน ยังเดินหน้าได้ตามแผน เดือนกันยายนที่ผ่านมาก็มีการโอนเงินไปส่วนหนึ่งแล้วที่เป็นเรื่องของสวัสดิการ ซึ่งเรามั่นใจว่าการโอนเงินสวัสดิการต่างๆที่เป็นในหน่วยงานของภาครัฐจะสมบูรณ์ในเดือนธันวาคมนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเราพยายามที่จะโอนจ่าย ชำระเงินของภาครัฐเป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด”นายอภิศักดิ์ กล่าว
ด้านโครงการพัฒนาการจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Receipt เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนในการจัดทำกำกับภาษี รวมทั้งการนำส่งรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินและการนำส่งภาษีเมื่อมีการชำระเงินระบบนั้น ยืนยันว่ายังสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงแรกนั้นจะให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัวเพื่อใช้ระบบดังกล่าวอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบได้อย่างถูกต้องด้วย
ทั้งนี้ ในฝั่งผู้ประกอบการที่มีความต้องการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วนั้น จะต้องมีการติดตั้งเครื่องรับเงินหรือ EDC ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สำหรับการลงทุนติดตั้งเครื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่า คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.จะนำเรื่องพิจารณาได้เร็วๆนี้ เช่นเดียวกับ ร้านค้าต่างๆ ที่ติดตั้งเครื่องรับบัตร หากมีในส่วนของค่าธรรมเนียมก็จะนำมาหักรายจ่ายได้ 2 เท่าเช่นเดียวกัน
ส่วนการให้สวัสดิการรัฐ โดยเฉพาะตั๋วร่วมนั้น มั่นใจว่าในกลางปีหน้าจะได้เห็นและนำออกมาใช้ได้อย่างแน่นอน โดยโครงการดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องเดินทาง โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของรัฐบาลที่ต้องการช่วยพี่น้องประชาชน หลักการคือ ผู้ที่มีรายได้น้อยที่จดทะเบียน 8 ล้านกว่าคน แต่คาดว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์เพียง 7.4 ล้านคนเท่านั้น เนื่องจากคำนวณแล้วผู้ที่มาลงทะเบียนบางรายเสียชีวิตลงด้วย
“สำหรับ การใช้บัตรตั๋วร่วมนั้น จะเป็นรูปแบบสามารถใช้ขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือ รถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า ในราคาถูก หรือ ซึ่งยืนยันว่าในเรื่องของตั๋วร่วมจะได้เห็นในกลางปีหน้านี้แน่นอน สำหรับให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ถือว่าเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของรัฐบาล ให้มีการครองชีพอยู่ได้ ต่อให้ค่าใช้จ่ายอื่นขึ้นแต่ช่วยในเรื่องของการเดินทางได้ สามารถที่จะไปอยู่บ้านที่ไกลหน่อยได้”นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับ เรื่องของเงินรางวัลเพื่อจูงใจการใช้ e-Paymant มีการเลื่อนออกไป โดยจะเริ่มเมษายนปีหน้า จากเดิมที่มกราคมปีหน้า เนื่องจากความล่าช้าของการลงเครื่อง บัตรที่รูดแล้วได้รางวัลจะเป็นเดบิตเท่านั้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย