- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 13 October 2016 22:00
- Hits: 8877
รมช.คลัง สั่งปลัดฯ เร่งหารือธปท. หลังแบงก์ขอเลื่อนพร้อมเพย์ไป Q1/60 ยันภาษีที่ดินได้ใช้ทันปี 60
รมช.คลังสั่งปลัดฯ เร่งหารือธปท. หลังมีกระแสแบงก์ขอเลื่อนพร้อมเพย์ แต่ยันยังพร้อมใช้สิ้นเดือนนี้ ยันภาษีที่ดินได้ใช้ทันปี 60 ชี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ มั่นใจประชาชน 99% ไม่ได้รับผลกระทบ
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการสัมมนา "ข้อควรรู้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" ถึงปัญหาของเรื่องพร้อมเพย์ที่ล่าสุด ที่สถาบันการเงินหลายแห่งออกมาระบุว่า ระบบยังไม่มีความพร้อมและมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะใช้ในเดือนตุลาคมนี้นั้น จะสั่งการให้ปลัดกระทรวงการคลัง ไปหารือกับหน่วยงานเจ้าภาพ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งหากพบว่ามีความล่าช้า แต่เพื่อต้องการให้ระบบมีเสถียรภาพ เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในเรื่องของความปลอดภัย
“คือจะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังไปหารือกับธปท. ซึ่งหากจำเป็นต้องเลื่อนในส่วนของระบบความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และเสถียรภาพระบบ ก็สามารถล่าช้าได้ แต่เราก็อยากให้อยู่ในกรอบเวลา ซึ่งความล่าช้าเพราะความปลอดภัยนั้นเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาอะไร”นายวิสุทธิ์ กล่าว
อนึ่ง นายวิสุทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จะออกข่าวในช่วงสายของวันนี้ว่าทางสมาคมธนาคารธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เห็นพ้องให้เลื่อนเปิด "พร้อมเพย์" สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลเป็นไตรมาส 1/60 จากเดิมไตรมาส 4/59
ในส่วนของความคืบหน้าของพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งข้อเสนอแนะมาให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้วเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงการคลังจะไปดูในรายละเอียดว่ามีอะไรเพิ่มเติมที่จะไปปรับปรุงบ้าง รวมถึงข้อเสนอแนะจากการสัมมนาในวันนี้ด้วย ขณะที่ในเรื่องของอัตราการจัดเก็บนั้น เป็นเรื่องของนโยบายที่จะต้องคิดในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาต่อไป และมั่นใจว่าพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯจะมีผลบังคับใช้ในปี 2560 อย่างแน่นอน
“ในส่วนของอัตราตอนนี้นั้น เป็นอัตราเพดานแนบท้ายพ.ร.บ. ซึ่งยังไม่ใช่อัตราที่จะจัดเก็บหรือ Fix rate ส่วนกระบวนการหลังจากที่กฤษฎีกาส่งกลับมาแล้วนั้น ก็จะดูในรายละเอียดต่างๆที่จะเพิ่มเติมให้เหมาะสม ก่อนที่จะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ต่อไป”นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น จัดทำขึ้นเพื่อต้องการลดความเหลื่อล้ำ และการขยายฐานภาษีให้กว้างมากขึ้น และกระทบต่อผู้มีรายได้น้อย น้อยที่สุด โดยจากการคำนวนจากอัตราเพดานในเบื้องต้น ที่คิดจากราคาบ้านที่เกินกว่า 50 ล้านบาท และหรือตั้งแต่บ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไปนั้น ยืนยันว่าไม่กระทบอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันจากการสำรวจพบว่า มีผู้ถือครองบ้านในราคาต่ำกว่า 50 ล้านบาทประมาณ 99%
ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมนั้น ในปัจจุบันเสียภาษีอยู่แล้ว ซึ่งจะปรับปรุงให้เสียภาษีในอัตราที่เป็นธรรม เพราะในปัจจุบันนั้นไม่ใช่การเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า แต่เป็นอัตราถอยหลัง ประกอบกับในปัจจุบันพบว่า มีผู้ถือครองที่ดินแต่ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ ซึ่งหากพ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้มีการนำที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น
“ยืนยันว่ากฎหมายภาษีที่ดินฯสามารถใช้ราคาประเมินแบบรายบล็อกได้ จากก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่าจะต้องใช้ฐานราคาประเมินที่ดินใหม่ที่เป็นแบบรายแปลง ที่ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการดำเนินการ ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของฐานราคาประเมิน”นายวิสุทธิ์ กล่าว
สมาคมธนาคารไทยชี้แจงเรื่องการเปิดใช้บริการพร้อมเพย์
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารต่างๆ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบพร้อมเพย์ เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานรองรับบริการโอนและชำระเงินของประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถรับเงินโอนได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งของผู้โอนและส่วนรวมของประเทศ ซึ่งทุกธนาคารได้ให้ความสำคัญและร่วมมือกับภาครัฐในการเร่งดำเนินการ โดยขณะนี้มี 21 ธนาคารเข้าร่วมโครงการ และจะให้บริการผ่าน 3 ช่องทาง คือ ATM, Mobile Banking และ Internet Banking
ปัจจุบันทุกธนาคารได้พัฒนาบริการพร้อมเพย์ในส่วนของแต่ละธนาคารแล้วเสร็จ และได้เริ่มเข้าสู่การทดสอบ โดยเป็นการทดสอบการเชื่อมโยงระบบระหว่างธนาคารต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ กับระบบกลางและการโอนเงินระหว่างธนาคารในรูปแบบต่างๆ ซึ่งพบว่าการทดสอบระบบเพื่อให้ครบทุกธนาคาร และทุกช่องทางที่ให้บริการ รวมทั้งให้ครอบคลุมกรณีตัวอย่างต่างๆ ใช้เวลามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นระบบใหญ่ เชื่อมโยงหลายธนาคาร และมีช่องทางให้บริการที่หลากหลาย
สมาคมธนาคารไทยตระหนักว่าระบบที่ใช้ทำธุรกรรมทางการเงินของสถาบันการเงินถือว่ามีความสำคัญสูงสุด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมมือและทุ่มเทกำลังเพื่อทดสอบและปรับปรุงระบบให้สามารถเชื่อมต่อและทำรายการระหว่างธนาคารได้อย่างสมบูรณ์ รองรับรายการทางการเงินหลากหลายแบบได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมุ่งให้ทุกธนาคารในโครงการสามารถเริ่มให้บริการได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
เพื่อให้มีเวลาในการทดสอบอย่างครบถ้วน ในการประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบพร้อมเพย์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 สมาคมธนาคารไทย ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และ NITMX จึงได้หารือกับ ธปท. ซึ่งได้ติดตามและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดมาตลอด และเสนอให้เลื่อนการเปิดบริการพร้อมเพย์สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลไปเป็นไตรมาสแรกปี 2560 เพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับการทดสอบระบบให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดย ธปท. เห็นชอบด้วยกับการปรับแผนดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจ และสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคตได้ อย่างไรก็ดี ในส่วนของระบบการโอนเงินด้านสวัสดิการจากภาครัฐให้ประชาชนผ่านบริการพร้อมเพย์ สามารถให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2559 นี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธุรกรรมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีทิศทางเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี ในขณะที่ประชาชนผู้ใช้บริการก็มีความคาดหวังที่จะได้รับบริการที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย และถูกต้อง 100% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูง และทุกธนาคารก็มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบริการพร้อมเพย์ให้เป็นบริการที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนคนไทยและมีความทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย โดยการทดสอบระบบอย่างละเอียด ครบถ้วน ตามแผนการทดสอบ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าทุกธนาคารสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการพร้อมกันทั้งระบบได้อย่างราบรื่น และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธปท.เผย ส.ธนาคารไทย - แบงก์ทุกแห่ง เห็นพ้องเสนอเลื่อนเปิด `พร้อมเพย์` สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลเป็น Q1/60 จากเดิม Q4/59
ธปท.ยันส.ธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เห็นพ้องเสนอเลื่อนเปิด ‘พร้อมเพย์’ สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลเป็น Q1/60 จากเดิม Q4/59 ส่วน"พร้อมเพย์" สำหรับโอนเงินสวัสดิการจากภาครัฐสู่ประชาชน พร้อมใช้ Q4/59 ตามเดิม
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศได้ร่วมพัฒนาบริการพร้อมเพย์ เพื่อเป็นระบบพื้นฐานรองรับบริการโอนและชำระเงินของประเทศ ซึ่ง ธปท.ได้ติดตามการพัฒนาและทดสอบระบบพร้อมเพย์ของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้หารือร่วมกันทุกสัปดาห์เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ระบบพร้อมเพย์เป็นโครงการขนาดใหญ่มีธนาคารเข้าร่วม 21 ธนาคาร และมีช่องทางการให้บริการหลากหลาย ได้แก่ ATM, Mobile Bankingและ Internet Banking ตลอดจนมีผู้สนใจลงทะเบียนใช้บริการเป็นจำนวนมาก
จากการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และบริษัท NITMX1 เพื่อติดตามความคืบหน้าของการทดสอบระบบ ได้เห็นร่วมกันว่า การทดสอบระบบให้รอบด้านและมีความพร้อมทุกธนาคารก่อนเปิดใช้บริการมีความสำคัญมาก เนื่องจากความปลอดภัย ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือของการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของระบบสถาบันการเงิน ดังนั้น จึงควรทำการทดสอบระบบทุกอย่างให้ละเอียด รอบด้าน และที่สำคัญต้องให้ทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมในการเปิดให้บริการพร้อมกันได้หลากหลายช่องทาง รวมทั้งสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้ด้วย
นอกจากเรื่องการทดสอบระบบแล้ว ธปท. เห็นว่า ธนาคารทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการควรเตรียมความพร้อมให้บริการลูกค้า มีการอบรมพนักงานทั้งที่สาขาธนาคาร และ Call Center รวมทั้งมีการเตรียมการเกี่ยวกับการดูแลและคุ้มครองผู้ใช้บริการที่เป็นธรรม ตลอดจนมีการกำหนดระยะเวลาแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างเหมาะสมด้วย
ในการประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบพร้อมเพย์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559ทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องกันว่า การที่สมาคมธนาคารไทยและธนาคารที่เข้าร่วมโครงการเสนอให้เลื่อนการเปิดให้บริการพร้อมเพย์สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลไปเป็นไตรมาสแรกของปี 2560 เป็นแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับการทดสอบระบบให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคตได้ ตลอดจนให้ทุกธนาคารที่ให้บริการสามารถเตรียมการภายในให้มีความพร้อมในการบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงและสะดวก
อย่างไรก็ดี สำหรับการโอนเงินสวัสดิการจากภาครัฐสู่ประชาชน ระบบพร้อมเพย์มีความพร้อมให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2559 นี้
ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อดูแลให้ทุกธนาคารมีระบบที่มั่นคงปลอดภัยและสามารถเปิดให้บริการพร้อมกัน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมด้านการสื่อสารผ่านสาขา และ call center เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึงต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย