- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 11 October 2016 08:34
- Hits: 3081
คลังมั่นใจพิโคไฟแนนซ์ดึงเจ้าแม่เงินกู้เข้าระบบ ตีกรอบห้ามปล่อยสินเชื่อนอกเขต
แนวหน้า : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้ การกำกับ (พิโคไฟแนนซ์) เพื่อให้ เจ้าหนี้นอกระบบให้บริการสินเชื่อรายย่อย ในระบบได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ฉุกเฉินสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในระบบได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งภายหลังจาก ที่ครม.อนุมัติเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ ภายใน 1 เดือน ในกระบวนการประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถแก้หนี้นอกระบบได้ทั้งหมด 123,240 ล้านบาท
สำหรับ สินเชื่อพิโคไฟแนนซ์ กระทรวงการคลังจะเป็นผู้กำกับดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจ โดยเงื่อนไขของผู้ขอจดทะเบียนดำเนินการพิโคไฟแนนซ์นั้น จะต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และไม่สามารถระดมทุนจากประชาชนเพิ่มเติมได้ โดยผู้ประกอบธุรกิจจะเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เกิน 36% ต่อปี
"มั่นใจว่า จะมีผู้ปล่อยกู้นอกระบบมาจดทะเบียนพิโคไฟแนนซ์อย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นการดำเนินการ ที่ถูกกฎหมาย และให้คิดดอกเบี้ยได้สูงถึง 36% ประกอบกับเราจะมีมาตรการเข้มงวดกับเจ้าหนี้นอกระบบ ด้วย โดยผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการได้ในจังหวัดของตัวเองเท่านั้น ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีผู้ประกอบการกี่รายก็ได้" นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวว่า ขณะที่การ มอบหมายให้ธนาคารออมสิน และธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมจัดตั้งหน่วยธุรกิจ หรือ Business Unit เพื่อดำเนินการรับผิดชอบ ด้านการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ รวมทั้งให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน ด้วย ซึ่งประชาชนสามารถเข้ามาติดต่อกับ สาขาของธนาคารได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยการดำเนินการนั้นจะให้ธนาคารทั้งสองร่วมประสานงาน กับคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำกรุงเทพฯหรือประจำจังหวัด ซึ่งมีอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน หรืออัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบให้เกิดมูลหนี้ที่เป็นธรรม
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ รวมวงเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายนั้น ปัจจุบันมีบริษัทได้รับใบอนุญาตแล้ว 27 ราย และเปิดให้บริการแล้ว 19 ราย โดยปัจจุบันมียอดปล่อยสินเชื่อแล้ว 1,053 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 40,000 กว่าราย
"ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสินเชื่อขยายตัว เดือนละ 100 กว่าล้านบาท และเติบโตอย่างโตเนื่อง ขณะที่ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ปัจจุบันต่ำกว่า 1% ซึ่งมองว่าหนี้เสียที่อยู่ในระดับต่ำนั้นจะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเป็นนาโนไฟแนนซ์และพิโคไฟแนนซ์เพิ่มมากขึ้นด้วย" นายกฤษฎา กล่าว