- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 03 May 2014 22:46
- Hits: 3489
คลังผวารีดภาษีทั้งปีวืดเป้า เรียกถก 3 กรมภาษีเตรียมแผนรับมือจัดหารายได้วันนี้
บ้านเมือง : 'คลัง'เตรียมเรียก 3 หน่วยงานร่วมหารือวันนี้ เพื่อประเมินภาพรวมการรีดรายได้ทั้งปี พร้อมเตรียมทำแผนเร่งรัดการหารายได้ หลังนายกฯ’ปู’เป็นห่วงหวังรายได้รัฐบาลวืดเป้า ขณะที่ ‘นิด้า’ คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 2% หวังช่วยพยุงเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งประเทศ
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 เมษายน 2557 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมหน่วยงานจัดเก็บทั้ง 3 กรมภาษี ไม่ว่าจะเป็น กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรสามิต ทั้งนี้ เพื่อหารือและประเมินภาพรวมเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรมประจำปีงบประมาณ 2557
"สำหรับการเรียกทั้ง 3 กรมที่ทำหน้าที่จัดเก็บภาษี มาประเมินภาพรวมของการจัดเก็บรายได้นั้น เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความเป็นห่วงถึงเรื่องดังกล่าว ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลอาจจะมีแนวโน้มที่ลดลง"
นายรังสรรค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ทั้ง 3 กรมภาษี เร่งดำเนินการจัดทำแผนว่าในอีก 6 เดือน ว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างไร จะจัดหารายได้ได้อย่างไรบ้างเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนในเรื่องของเป้าหมายรายได้ที่ตั้งเอาไว้นั้น คงจะไม่มีการปรับเปลี่ยน แต่คงจะไปปรับเปลี่ยนวิธีการในการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้ามากกว่า
"ในการประชุมจะเน้นการเร่งรัดการจัดเก็บรายได้ของทั้ง 3 กรมจัดเก็บ ทั้งกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ และให้เร่งจ่ายเงินภาษีคืนให้เร็ว เนื่องจากถ้าได้เงินคืนเร็วก็จะมีเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมทั้งให้ เน้นหนักในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตด้วย"นายรังสรรค์ กล่าว
ขณะที่ในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2557 นั้น ได้รับรายงานจากกรมบัญชีกลางว่า เป็นไปตามเป้าหมาย ยังไม่มีปัญหา เนื่องจากทุกส่วนราชการก็พยายามเร่งเดินหน้างานในความรับผิดชอบเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามแผนงาน เว้นแต่ในส่วนของที่เป็นงบโครงการที่เกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณานั้น อาจจะยังไม่ได้ดำเนินการ นอกจากนั้น ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ที่อาจจะล่าช้าออกไปนั้น ตามกฎหมายของสำนักงบประมาณ ถ้ายังไม่ได้รับการอนุมัติ ประกาศใช้ ก็สามารถใช้งบประมาณในปีก่อนไปพลางก่อนได้ เช่น งบเงินเดือน งบดำเนินงาน งบเกี่ยวกับที่ผูกพัน ก็สามารถใช้ได้เลย เว้นงบลงทุนใหม่ๆ ไม่ได้ ทั้งนี้ถามว่าเป็นปัญหาอุปสรรคหรือไม่ในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2558 หรือไม่ ก็คงต้องมีบ้าง แต่เรื่องงานประจำก็สามารถเดินหน้าไปได้
ขณะเดียวกัน นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (MPA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ คาดว่าที่ประชุมจะตัดสินใจคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.0 เพื่อรักษาเครื่องมือทางการเงินในการดำเนินงานทางเศรษฐกิจในครั้งต่อไป หลังจากเครื่องมือทางการเงินเป็นเครื่องมือเดียวในการประคองภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ประเทศคู่ค้ามีการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยที่มีสัดส่วนต่อ GDP มากถึงร้อยละ 72 และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี ประกอบกับอัตราค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าลงมาโดยเฉลี่ยมาอยู่ที่ 32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และค่อนข้างมีเสถียรภาพ จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปีนี้ให้เติบโตได้ถึง 9%
นอกจากนี้ มองว่า การจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนภาคเอกชนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนได้ดีขึ้นจึงถือเป็นมุมมองที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
"เราเชื่อว่า แบงก์ชาติจะตัดสินใจในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 2.0 เนื่องจากเครื่องมือในการดำเนินนโยบายทางการคลังยังมีจำกัดเพราะรัฐบาลปัจจุบันเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ และแบงก์ชาติเองก็ต้องคำนึงถึงความต่างของระดับอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศและภายนอกประเทศที่มีผลต่อการไหลออกของเงินทุน เมื่อปัจจัยข้างต้นมารวมกับข้อมูลด้านตัวเลขการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีในปีนี้นั้น ทำให้แบงก์ชาติจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพมากที่สุด" นายมนตรี กล่าว