WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คลังเผยผลบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ มิ.ย.57 ชำระหนี้ได้กว่า 5.2 หมื่นลบ.

    น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กล่าวถึงผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือน มิ.ย.57 ว่า กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จำนวน 44,379.16 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ เป็นจำนวน 36,249.56 ล้านบาท ประกอบด้วย ชำระหนี้ในประเทศ 35,736.51 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 8,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 27,736.27 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.24 ล้านบาท และชำระหนี้ต่างประเทศ 513.05 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 383.67 ล้านบาท ดอกเบี้ย 127.94 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 1.44 ล้านบาท

     ส่วนการชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นจำนวน 8,129.60 ล้านบาท ประกอบด้วย การชำระคืนต้นเงินกู้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จำนวน 309 ล้านบาท โดยใช้เงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ที่สะสมอยู่ในบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้, การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 3,523.46 ล้านบาท เป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2, การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) จำนวน 4,297.14 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระต้นเงินกู้ 141.38 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ รวมถึงการชำระดอกเบี้ยจำนวน 4,155.76 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2

     ทั้งนี้ แหล่งเงินที่นำเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 ประกอบด้วย (1) เงินกำไรสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 (2) เงินที่สถาบันการเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (3) เงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และ (4) เงินโอนจากบัญชีกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ

     ขณะที่การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลนั้น กระทรวงการคลังได้กู้เงิน 1.เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 1,182.93 ล้านบาท 2.การเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ม.)เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 487.59 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 357.11 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 463.35 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง จำนวน 26.87 ล้านบาท และ 3.การเบิกจ่ายเงินกู้ 650 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 9 ม.ค.57 ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลกเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน(DPL) ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลนั้นไม่มี

   การรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลจะไม่รวมการ Roll over ตั๋วเงินคลัง เนื่องจากการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังเป็นการกู้ในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่งจะไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 102,135 ล้านบาท และกระทรวงการคลังจะทำการ Roll over ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนดตามอายุของตั๋วเงินคลังในแต่ละรุ่น

   สำหรับ การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลนั้น มีการกู้เงินล่วงหน้า(Pre-funding) เป็น R-bill จำนวน 25,800 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 13 ก.ค.57 จำนวน 30,000 ล้านบาท เนื่องจากในวันดังกล่าวจะมีพันธบัตรออมทรัพย์ภายใต้ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็งครบกำหนดอีกจำนวน 50,000 ล้านบาท ทำให้ในวันที่ 13 ก.ค.57 จะมีพันธบัตรครบกำหนดชำระรวม 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะนำเงินกู้ล่วงหน้าที่ได้ไปให้กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศบริหารลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ให้เกิดผลตอบแทนและลดต้นทุนในการทำ Pre-funding

    ขณะที่การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นผลการกู้เงินในประเทศเป็นเงิน 91,818 ล้านบาท มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 9,782 ล้านบาท แต่ไม่มีการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจเพื่อลดต้นทุนเงินกู้และป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!