- Details
- Category: คลัง
- Published: Monday, 21 March 2016 22:22
- Hits: 3138
รมว.คลัง คาดส่งออกเดือนก.พ.59 โต 10% รับน้ำมัน-ทองคำฟื้น เตรียมออกแพ็คเกจแจกเงินข้าราชการ - ช็อปช่วยชาติรอบ 2 ช่วงสงกรานต์
รมว.คลัง คาดส่งออกเดือนก.พ.59 อาจโต 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปี 58 หากรวมน้ำมัน-ทองคำ แต่หากเทียบเดือนม.ค.59 ยังติดลบ ส่วนบ้านประชารัฐฯ จะเข้าครม.พรุ่งนี้ พร้อมเตรียมแผนกระตุ้นศก.อีกเพียบ ขณะที่แผนช็อปช่วยชาติรอบ2 - มาตรการแจกเงินข้าราชการจะออกทันก่อนช่วงสงกรานต์
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงาน Post Forum 2016 โดยปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ปีทองของการลงทุนในประเทศไทย ว่า การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อรวมน้ำมันและทองคำจะทำให้ส่งออกขยายตัวได้ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการส่งออกทองคำได้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้หากหักราคาน้ำมันและทองคำจะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ 2% แต่หากเทียบกับเดือนมกราคมยังคงติดลบ ประกอบกับรัฐบาลเองได้หาตลาดใหม่เพิ่มเพื่อกระตุ้นการส่งออก
“ส่งออกฟื้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดีเพราะเมื่อเทียบกับเดือนก่อนก็ยังคงติดลบ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรามีการปรับตัวบ้างในแง่ของตลาดด้วย นอกจากนี้เราก็มองว่าเศรษฐกิจมันก็ต้องดีขึ้นบ้าง”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ร่วมประชุมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ซึ่ง IMF มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยที่ปัจจุบันที่ 3% กว่านั้น ยังถือว่ายังต่ำกว่าศักยภาพ โดยศักยภาพควรอยู่ที่ 4-5% ซึ่งตนเห็นด้วย ขณะเดียวกันยังมองว่า ไทยยังสามารถใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก เพราะปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 44% ต่อจีดีพีเท่านั้น
“เราก็ยอมรับว่าเราโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่การโตให้ได้นั้นไม่ใช่การเอาเงินใส่ไปเฉยๆ เพราะหากเราใส่เงินไปแล้วหมดก็จะเป็นเหยื่อซึ่งคล้ายกับประเทศอื่นๆที่มีปัญหา หากพบว่าในอนาคตเศรษฐกิจโลกไม่ได้ฟื้นตามที่คาด เราจึงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เรามองว่าในอนาคตจะให้เศรษฐกิจกลับไปโตได้ตามศักยภาพที่ 4-5% เราต้องปฏิรูปหลายเรื่อง เช่น การพึ่งพาการบริโภคในประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจฐานราก การเพิ่มรายได้ให้กับคนฐานราก ให้เป็นคนชั้นกลางซึ่งเป็นฐานที่สำคัญของการสร้างการบริโภคในประเทศ”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ การที่จะให้เศรษฐกิจขยายตัวได้นั้น ยังจะต้องเน้นการลงทุน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของสังคมไทย รวมไปถึงการประมูล 4G การต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้เปลี่ยนระบบการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ซึ่งพบว่าสามารถประหยัดงบประมาณภาครัฐได้กว่า 30,000 ล้านบาท
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือ การเดินหน้าการลงทุนผ่านโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สะท้อนจากในปีที่ผ่านมาจีดีพีไทยขยายตัวได้ 2.8% โดยอัตราการลงทุนของภาครัฐเติบโตขึ้น 29% แต่ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนพบว่าลดลง 2% ซึ่งสะท้อนว่าเอกชนยังไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุน ดังนั้นจะทำอย่างไรให้การลงทุนเริ่มกลับมา สิ่งที่ภาครัฐเร่งดำเนินการคือ การออกมาตรการต่างๆเพื่อสนับสนุนให้เอกชนเร่งลงทุน เช่น การออกมาตรการหักค่าเสื่อมหรือเงินลงทุนได้ 2 เท่า สำหรับเอกชนที่ลงทุนในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ด้วย การสนับสนุน 10 อุตสาหกรรม คือ การต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิม และเติมอุตสาหกรรมใหม่อีก 5 กลุ่ม
ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะต้องเร่งลงทุน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพมากที่สุดในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งหากไม่เร่งดำเนินการในตอนนี้ จะส่งผลให้ไทยตกขบวนรถไฟของเออีซีอย่างแน่นอน
“เราต้องเร่งลงทุนในกลุ่ม CLMV เรามีศักยภาพมากตอนนี้ต้องเร่งทำ ไม่เช่นนั้นประเทศอื่นเขาจะทำ จะทำให้เราจตกรถไฟ เราต้องให้เอกชนมองไปข้างหน้า มองตลาดให้มันใหญ่ขึ้น แล้วเริ่มลงทุนได้ สิ่งที่รัฐบาลให้ประโยชน์มากมายที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวถึงโครงการบ้านประชารัฐ ว่าเป็นมาตรการที่ได้เสนอไปแล้ว และคาดว่าจะเข้าคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ได้ในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกันในปีนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลยังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้อีกค่อนข้างมาก โดยในช่วงก่อนสงกรานต์นี้ จะมีมาตรการแจกเงินเพื่อช่วยเหลือข้าราชการ และประชาชนที่มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะออกมาเป็นลักษณะใด รวมถึงเกณฑ์รายได้ผู้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าว
อีกทั้ง ยังเตรียมที่จะออกแพคเกจช่วยชาติ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะเป็นในลักษณะคล้ายกับช้อปช่วยชาติเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้จะดำเนินการผ่านแพคเกจกิน-เที่ยวช่วยชาติ หักลดภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งจะออกมาทันสงกรานต์แน่นอน โดยจะเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
“มาตรการแจกเงินเชื่อว่าพวกเราน่าจะได้ประโยชน์ด้วย เป็นมาตรการช่วยเหลือในการนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยซึ่งก็ดูๆวงเงินไว้แล้ว คงต้องรอในส่วนหลักเกณฑ์ว่าจะออกมาเป็นในลักษณะใด”นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย