คลังสั่ง'สรรพสามิต'รื้อเป้ารีดภาษีใหม่ 'ธนารักษ์'จ่อขึ้นค่าเช่าที่

     แนวหน้า : 'ปลัดคลัง'สั่งกรมสรรพสามิต ทำแผนจัดเก็บ 5 ปี รีดภาษีให้ได้ 8 แสนล้าน/ปี เล็งเก็บภาษีน้ำตาล หากข้อมูลการแพทย์ยืนยันเป็นพิษกับสุขภาพ ขณะที่ "ธนารักษ์" รื้อสัญญา-ค่าเช่า ที่ดินใหม่ เก็บรายได้เข้ารัฐเพิ่ม 25% พร้อม บอกข่าวดีปีนี้ ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าคนจน หลังเจอแล้ง

      นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม กรมสรรพสามิต โดยได้สั่งการให้ กรมสรรพสามิต จัดทำแผนการจัดเก็บภาษีระยะ 5 ปี จัดเก็บรายได้ให้ได้ 8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันปีงบประมาณ 2559 กรมสรรพสามิต มีเป้าหมายการเก็บรายได้ 4.9 แสนล้านบาท โดย ให้จัดทำแผนให้เสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบต่อไป

      ทั้งนี้ การบริโภคสินค้าบางประเภทเป็นพิษกับสุขภาพ ในกรณีของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ทางกรมสรรพสามิต ก็ต้องศึกษาเตรียมพร้อมไว้ หากมีข้อมูลยืนยันทางการแพทย์ที่แน่ชัดว่าเป็นพิษกับสุขภาพจริง จะได้เสนอรัฐบาลเก็บภาษีดังกล่าวทันที

      "แผนการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต จะต้องมีการเสนอการเก็บภาษีทั้งเก่าเพิ่มขึ้น และการเก็บภาษีใหม่หลายตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บทุกตัวที่ศึกษา แต่ต้องพร้อมไว้หากพร้อม จะได้ดำเนินการได้ทันที" นายสมชัย กล่าว

     นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมมีการศึกษาเก็บภาษีใหม่ หลายตัว เช่น สินค้าที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม สินค้าที่มีผลกระทบกับสุขภาพ รวมถึงภาษีการพนัน ซึ่งตอนนี้ จ้างผู้เชี่ยวชาญให้ศึกษาอยู่ว่าควรเป็นภาษีการพนัน ประเภทไหนบ้าง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้

     นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ เตรียมพิจารณาปรับปรุงสัญญาเช่า และอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุในเชิงพาณิชย์ใหม่ โดยจะนำราคาประเมินที่ดินใหม่ มาคำนวณรวมกับราคาตลาด โดยการปรับราคาจะคำนึงผลกระทบของผู้เช่าด้วย

     ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจที่ราชพัสดุ 12.5 ล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อรายงานภาพรวมการ ใช้พื้นที่ทั้งหมด ตั้งแต่ที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการ ครอบครอง ที่เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย และที่เช่าเพื่อทำการเกษตร คาดว่าได้ข้อสรุปภายในเดือนก.พ.นี้ เบื้องต้นจะปรับราคาค่าเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์ก่อน ส่วนที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยและทำการเกษตร ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับราคาค่าเช่า

      ทั้งนี้ ประเมินว่า ผลจากการปรับราคาเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์ครั้งนี้จะทำให้รายได้ จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 25 % ในปีนี้ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนแผน 5 ปีคาดว่ารายได้ของกรมธนารักษ์จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานโครงการเชิงพาณิชย์ การเช่าที่ดินแปลงขนาดใหญ่ เช่น ที่มักกะสันได้ข้อยุติ สามารถเก็บค่าเช่าที่ดินได้เป็นต้น

    สำหรับ ในปี 2558 ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ มีรายได้ราว 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุ 4,000 ล้านบาท และรายได้จากเหรียญอีกกว่า 1,000 ล้านบาท

      "กรมธนารักษ์มีที่ดินถึง 12.5 ล้านไร่ แต่มีรายได้แค่ 5,000 ล้านบาทต่อปี ถ้าเป็นเอกชนคงมีรายได้ปีละ 4-5 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์บางแปลงไม่เคยปรับราคา มาตั้งแต่ปี 2527 หรือกว่า 30 ปี เช่น ที่ตลาดตรงสมุทรปราการ ค่าเช่าที่ตารางวาละ 2.65 บาทต่อปี"

     นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ ยังออก 2 มาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และผู้ที่ยากจน โดยกรณี ประสบปัญหาภัยแล้ง เน้นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่ สามารถประกอบการเกษตรหรือหากพืชผลได้รับความเสียหายจากปัญหาภัยแล้ง โดยเมื่อจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติแล้วหากมีผู้เช่า ที่ราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตรอยู่ในที่ราชพัสดุที่ได้ประกาศเป็นเขตภัย พิบัติภัยแล้ง กรมธนารักษ์จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา 1 ปี (ปีที่ประสบภัย) และกรณีที่ผู้เช่าได้ชำระค่าเช่าที่ดินราชพัสดุไปแล้วสามารถนำค่าเช่าดังกล่าวไปเป็นค่าเช่าในปีถัดไปได้

    "ปัจจุบันได้มีการประกาศเป็นเขตภัยแล้งแล้ว 9 จังหวัด 31 อำเภอ ได้แก่ พิษณุโลก เชียงราย มหาสารคาม สระแก้ว นครราชสีมา นครพนม อุตรดิตถ์ พะเยา และเชียงใหม่ สำหรับปัจจุบันนั้น มีผู้เช่าที่ราชพัสดุหลายแสนราย ที่มีการค้างชำระค่าเช่า เป็นเวลานาน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหลาย 10 ล้านบาท กรมก็จะพิจารณายกเว้นหนี้ให้" นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว

ปรับใหม่!ค่าเช่าที่ราชพัสดุคลังสั่งสรรพสามิต 2 เดือนคลอดแผนรีดภาษี 5 แสนล.

     ไทยโพสต์ : กระทรวงการคลัง * ธนารักษ์ยกเครื่อง ปรับค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ครั้งใหญ่รอบ 30 ปี หวังดันรายได้เพิ่มอีกพันล้านบาท 'สมชัย'ขีดเส้นสรรพสามิต 2 เดือน คลอดแผนรีดภาษีใน 5 ปี แตะ 5 แสนล้านบาท

     นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมเตรียมปรับราคาเช่าที่ราชพัสดุในเชิงพาณิชย์ใหม่ ซึ่งจะอิง กับราคาประเมินที่ดินใหม่ ที่คำนวณรวมกับราคาตลาด โดยกรมได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจที่ราชพัสดุ 12.5 ล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อ รายงานภาพรวมการใช้พื้นที่ทั้ง หมด คาดว่าได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.พ.นี้ เบื้องต้นจะปรับราคาค่าเช่า ที่ดินเชิงพาณิชย์ก่อน ส่วนที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยและทำการเกษตร ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับราคาค่าเช่า

     "กรมธนารักษ์มีที่ดินถึง 12.5 ล้านไร่ แต่มีรายได้แค่ 5 พันล้านบาทต่อปี ถ้าเป็นเอกชนคงมีรายได้ปีละ 4-5 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์บางแปลงไม่เคยปรับราคามาตั้งแต่ปี 2527 หรือกว่า 30 ปี" นายจักรกฤศฏิ์กล่าว

      สำหรับ ปี 2558 กรมมีรายได้ราว 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุ 4 พันล้านบาท และรายได้จากเหรียญกษาปณ์อีกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งประเมินว่าการปรับราคาเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์จะทำให้รายได้จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 25% หรืออีก 1 พันล้านบาทในปีนี้ ส่วนแผน 5 ปีคาดว่ารายได้ของกรมจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท

       นอกจากนี้ กรมจะปรับระ เบียบเรื่องการเช่าที่ในเชิงพาณิชย์ใหม่ เพราะสัญญาในรูปแบบเดิม มีปัญหามาก และเปิดให้ใช้ดุลย พินิจของเจ้าพนักงาน กลายเป็นช่องโหว่ ทำให้เอกชนได้ครอบครองที่ดินเกินจริง เช่น สัญญาเดิมจะกำหนดสัญญาเช่าที่ดินจะเริ่มเดินต่อเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้เอกชนบางรายยื้อการก่อสร้างนานเป็น 10 ปี โดยสัญญาใหม่จะเลิกข้อกำหนดเหล่านี้ ต่อไปใครได้เช่าครบ 30 ปี ต้องคืนที่ให้กรมทันที หรือถ้าจะต่อสัญญาใหม่ ต้องทำให้อย่างเป็นทางการ

      นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตทำแผนการจัดเก็บภาษีใน 5 ปี ให้มีรายได้เพิ่มเป็น 8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีเป้าหมายการเก็บรายได้ 4.96 แสนล้านบาท โดยให้ทำแผนให้เสร็จภายใน 2 เดือน ก่อนเสนอให้ รมว.การคลังพิจารณา

      นอกจากนี้ ยังได้ให้นโยบายให้ดูแลอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ ให้การขออนุญาตและการเสียภาษีทำได้เร็วขึ้น เพื่อที่จะทำให้การจัดอันดับประเทศที่น่าทำการค้าของธนาคารโลกดีขึ้น รวมทั้งยังให้เพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่โดยการให้มีความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น และการปราบทุจริต ให้หมดไป ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล.

ธนารักษ์ให้กนอ.เช่าที่ยาว 50 ปี ตั้งนิคมฯสระแก้วรับเขตศก.พิเศษ

       แนวหน้า : นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เพื่อพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในเขตพื้นที่ตั้งอยู่ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีเนื้อที่ 660 ไร่ ระยะเวลา 50 ปี ในอัตราค่าเช่า 2.24 หมื่นบาทต่อไร่ ต่อปี ซึ่งได้รับการลดค่าเช่า 30% จากอัตราค่าเช่าเอกชน 3.2 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี โดยเป็นจังหวัดแรกที่กรมธนารักษ์ส่งมอบให้กนอ.นำไปพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ

     ทั้งนี้ ได้จัดสรรพื้นที่ราชพัสดุในเขตเศรษฐกิจ ให้เช่าแก่ กนอ.จำนวน 3 พื้นที่ ได้แก่ จ.สระแก้ว เนื้อที่ 660 ไร่ จ.สงขลา ที่มีเนื้อที่ 1,196 ไร่ ในอัตราค่าเช่า 4 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี แต่ยังติดขัดเรื่องโฉนดที่ดิน และยังมีผู้บุกรุกบ้าง คาดจะดำเนินการเรียบร้อยภายในเดือนมีนาคมนี้ และจ.ตาก ที่มีเนื้อที่ 836 ไร่ ในอัตราค่าเช่า 3.6 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี แต่ยังติดปัญหาในการเข้าจัดการพื้นที่ โดยกรมธนารักษ์จะเร่งดำเนินการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือนเมษายนนี้

      ขณะที่พื้นที่ที่กรมธนารักษ์จัดสรรให้กับเอกชนมี 4 พื้นที่ ได้แก่ จ.ตาก จำนวน 1,346 ไร่ อัตราค่าเช่า 3.6 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี จ.ตราด จำนวน 888 ไร่ อัตรา ค่าเช่า 2.4 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี จ.หนองคาย จำนวน 718 ไร่ อัตรา 2.4 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี และจ.มุกดาหารจำนวน 1,085 ไร่ ในอัตราค่าเช่า 2.4 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี

                อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดพื้นที่จ.สระแก้วให้ กนอ.เป็นที่แรกแล้ว ยังเหลืออีก 2 พื้นที่ทั้งจ.ตาก และจ.สงขลา ที่จะทยอยส่งมอบให้กนอ. โดยจะเร่งดำเนินการ ให้เสร็จภายใปีงบประมาณ 2560 ส่วนของเอกชนทั้ง 4 พื้นที่ กรมธนารักษ์จะดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนลงทุนประมาณปลายเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ ต่อไป ซึ่งขณะนี้ทางคณะทำงานสรรหา คัดเลือก และเจรจา ผู้ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษได้จัดทำ หลักเกณฑ์และขั้นตอนการคัดเลือกผู้ลงทุนพัฒนาที่ดิน ราชพัสดุเสร็จแล้ว ซึ่งกรมธนารักษ์เตรียมชี้แจงให้นักลงทุนในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้

      นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการกนอ. กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ จ.สระแก้ว กนอ.จะใช้สร้างนิคมอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งอุตสาหกรรมบริการ และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในเขตชายแดน ทำให้การค้าลงทุน ข้ามแดนมีความคล่องตัว เกิดการจ้างงาน 3,000 คน สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า ทั้งในและนอกประเทศ คาดเกิดเงินลงทุนในจ.สระแก้ว 5,000 ล้านบาท เกิดรายได้ปีละ 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างได้ภายในปีงบประมาณ 2560

      ขณะนี้ มีเอกชน 5-6 ราย แสดงความสนใจเข้ามา ลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวอาทิ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม และ บมจ.เอสซีจี จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและก่อสร้างรวมทั้งมีบริษัทอื่นๆในกลุ่มโลจิสติกส์ คลังกระจายสินค้า อาหารแปรรูป และเครื่องดื่ม เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาค่าเช่าซึ่งจะเสนอให้คณะกรรมการกนอ. พิจารณา เบื้องต้นคาดว่าค่าเช่าจะอยู่ในอัตราไร่ละ1.6 แสนบาทต่อไร่ต่อปี ขณะที่กนอ.มีต้นทุนการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่เฉลี่ยไร่ละ 1.2-1.5 ล้านบาท