- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 26 January 2016 10:51
- Hits: 1677
สบน.เตรียมเสนอปรับปรุงแผนบริหารจัดการหนี้สาธารณะปี 59 เพิ่มอีก 1.3 หมื่นลบ.
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในอีก 2 สัปดาห์ เพื่อพิจารณาอนุมัติการปรับปรุงแผนบริหารจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 (ครั้งที่ 1) เพิ่มขึ้นอีก 13,252 ล้านบาท มาเป็น 1,741,422 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1,728,170 ล้านบาท โดยเมื่อมีการปรับแผนบริหารจัดการหนี้สาธารณะแล้วจะทำให้ ณ สิ้นปี 2559 หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ระดับ 45.1%
โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ที่มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธานในวันนี้ ได้มี มติปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ใน 5 แผน ดังนี้ 1.แผนการก่อหนี้ใหม่ ยอดที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 562,678 ล้านบาท ลดลง 1,248 ล้านบาท จากเดิม 563,926 ล้านบาท 2.แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ยอดที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 901,653 ล้านบาท ลดลง 2,969 ล้านบาท จากเดิม 904,623 ล้านบาท
3.แผนการบริหารความเสี่ยง ยอดที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 155,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,075 ล้านบาท จากเดิม 123,114 ล้านบาท 4.แผนการบริหารหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติจากครม ภายใต้กรอบแผน(รัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) ยอดที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 120,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,394 ล้านบาท จากเดิม 104,823 ล้านบาท และ5.แผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติ ครม.ภายใต้กรอบแผน ยอดที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 1,681 ล้านบาท ลดลง 30,000 ล้านบาท จากเดิม 31,681 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับลดลงในส่วนของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน(องค์การมหาชน) ที่ปรับลดลง 3 หมื่นล้านบาท เนื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องตั้งวงเงินขึ้นมาเพื่อใช้พยุงราคาน้ำมันแล้ว
“ยอดที่อยู่ในแผนใหม่รวมกันทั้ง 5 แผนแล้ว คือ 1,741,422 ล้านบาท สุทธิแล้วปรับเพิ่มขึ้น 13,252 ล้านบาท จากยอดเดิม 1,728,170 ล้านบาท...เราคงทำภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อปรับ แล้วให้หน่วยงานดังกล่าวนี้ดำเนินการได้“ผู้อำนวยการ สบน.กล่าว
พร้อมระบุว่า ทั้งนี้เมื่อได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการหนี้ดังกล่าวแล้ว จะทำให้หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ระดับ 45.1% ของ GDP เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 44.52% ของ GDP
อินโฟเควสท์
