- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 11 November 2015 23:21
- Hits: 3960
คลังเร่งเบิกจ่ายงบน้ำ-ถนนคืบสิ้นปีจบตามเป้า 3.5 หมื่นล.แจงหนี้สาธารณะแตะ 43%
ไทยโพสต์ : พระราม 6 *สบน.จุดพลุเบิกจ่ายลงทุนน้ำ-ถนน คืบ 2.4 หมื่นล้านบาท มั่นใจสิ้นปี 58 ฉลุยตามเป้าหมาย 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมอ้อนธนาคารพาณิชย์เปิดขายบอนด์ออมทรัพย์วันเสาร์-อาทิตย์ หวังดันยอดขายประเมินหนี้สาธารณะสิ้นปีงบ 59 ไม่เกิน 46% ของจีดีพี
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยความคืบหน้าในการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำและถนน วงเงินรวม 8 หมื่นล้านบาท ว่า ขณะนี้สามารถเบิกจ่ายเงินได้แล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2558 จะสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และเม็ดเงินจะถูกอัดฉีดเข้าระบบเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสุนนให้การเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจปี 2558 เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3% ตามเป้าหมายของรัฐบาล
ขณะที่ภาพรวมการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ 2558 อยู่ที่ 3.67 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐวิสาหกิจมีการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผนทั้งสิ้น 7.8 แสนล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีการก่อหนี้ใหม่และบริหารจัดการหนี้ รวมทั้งสิ้น 8.3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการก่อหนี้ใหม่ 6.1 หมื่นกว่าล้านบาท และการบริหารจัดการหนี้ 2.1 หมื่นกว่าล้านบาท
"การก่อหนี้ใหม่ในส่วนรัฐ บาลนั้น มีการกู้ชดเชยการขาดดุลเต็มจำนวนที่ 2.5 แสนล้านบาท และยังมีการกู้เพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อเพื่อลงทุนในโครงการสำคัญๆ อีก 4.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังมีรัฐวิสาหกิจที่กู้เพื่อลงทุนเอง 1.8 หมื่นล้านบาท และการดึงสภาพคล่องจากทุนหมุนเวียนอีก 2.8 หมื่นล้านบาท โดยจากแผนการลงทุนทั้งหมด ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีปฏิทิน 2558 สัดส่วนหนี้สาธารณะจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากโครงการลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงิน ขณะที่ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2559 คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะจะอยู่ไม่เกิน 46% ของจีดีพี หากทุกหน่วยงานสามารถเดินหน้าลงทุนได้ตามแผนงาน" นายธีรัชย์กล่าว
นายธีรัชย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการขายพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ว่า มีประชาชนสนใจซื้อพันธบัตรดังกล่าวแล้วกว่า 2.7 หมื่นราย โดยเฉลี่ยรายละ 1 ล้านบาท โดยคิดเป็นวงเงินรวม 3.08 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของวงเงิน และคาดว่าจะสามารถขายได้เต็มวงเงินภายในเดือน ก.พ.2559 โดยระหว่างนี้ สบน.อยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารตัวแทนจำ หน่าย 4 ธนาคาร เพื่อให้มีการเปิดขายในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรท ติ้งส์ มีการคงอันดับความน่าเชื่อ ถือของประเทศไทยไว้นั้น เนื่อง จากกระทรวงการคลังสามารถชี้ แจงข้อมูลของประเทศไทยได้อย่างเข้าใจ โดยระหว่างนี้ฟิทช์จะยังคงจับตาทิศทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้ง และแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลาง โดยหากรัฐบาลมีการใช้นโยบายที่เป็นผลเสียกับภาคการคลัง ก็มีโอกาสที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังมีปัญหาอะไรที่น่ากังวล เพราะฐานะการคลังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยยอดหนี้สาธารณะคงค้างในเดือน ก.ย.2558 อยู่ที่ 5.78 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.99% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 4.66 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนดังกล่าวยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง และตามกรอบเดิมที่กำหนดไว้ที่ 43.5%.