- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 15 September 2015 09:15
- Hits: 4033
คลังเล็งดูดเงินธุรกิจประกัน ลงทุนเมกะโปรเจคกระตุ้นศก.
แนวหน้า : นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กระทรวงการคลังศึกษาดึงเงินจากธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่มาก มาใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่งที่ยังสูงอยู่ให้ต่ำลง
"ตอนนี้กำลังศึกษาว่าจะระดมทุนอย่างไรให้มีความน่าสนใจ ที่จะดึงดูดให้ธุรกิจประกันภัยมาลงทุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจประเทศไทย" นายอภิศักดิ์ กล่าว
เบื้องต้นมีอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.การตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอฟันด์แบบเป็นรายโครงการ ไประดมทุนจากธุรกิจประกันภัย หรือ 2.ตั้งเป็นกองทุนอินฟราสตรัคเจอฟันด์ขนาดใหญ่ ระดมทุนในทุกโครงการของโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลจะดำเนินการ ซึ่งคาดว่ากองทุนดังกล่าวจะได้รับสนใจจากบริษัทประกันรวมถึงนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนต่างชาติ มากกว่าการตั้งกองทุนขนาดเล็กเพื่อมาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกเป็นวิธีใด โดยจะออกเป็นอินฟราฯหรือออกเป็นพันธบัตร และวงเงินเท่าใด รวมถึงระยะเวลาที่จะระดมทุน ต้องพิจารณาอีกครั้ง
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจประกันของไทยยังเติบโตได้ช้าแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์เข้ามาทำธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อประกันยังมีความคิดว่าการทำประกันเป็นการสะสมทรัพย์มากกว่าประกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่เอกชนต้องทำความเข้าใจกับผู้เอาประกันมากขึ้น ต้องอธิบายให้ผู้เอาประกันว่าการทำประกันเป็นเรื่องของประกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่าสะสมทรัพย์
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบริษัทประกันภัยเอกชนควรเข้าดูแลให้ผู้ที่มีรายได้น้อยเข้าถึงการทำประกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ที่ผ่านมายังมีปัญหา เช่น การทำประกันภัยพืชผล ผู้ทำประกันได้รับค่าชดเชย 1,100 บาทกรณีที่เกิดความเสียหาย แต่ต้องเสียค่าเบี้ยประกัน 400 บาทต่อไร ซึ่งไม่ทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะทำให้คนมาทำเพื่อประกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่เอกชนต้องมาพิจารณาเบื้อประกันอยู่ในระดับที่ผู้มีรายได้น้อยขยายตัวและได้เข้าถึงง่ายขึ้น
รมว.คลัง กล่าวยอมรับว่า บริษัทเอกชนได้เสนอให้ผู้ทำประกันสุขภาพนำมาลดหย่อนภาษีได้เหมือนประกันชีวิต ซึ่งกระทรวงการคลังยังไม่ได้ศึกษาเช่นเดียวกับการพิจารณาสิทธิการลดหย่อนภาษีแอลทีเอฟ ซึ่งสิทธิและเงื่อนไขมีเวลาอีก 1 ปี