- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 28 June 2014 00:07
- Hits: 3309
สศค.ปรับข้อมูล ศก.เร็วขึ้นทันสถานการณ์โชว์เศรษฐกิจฟื้นความเชื่อมั่นกลับ
บ้านเมือง : สศค.ปรับการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจให้ทันสถานการณ์ เผยเดือน พ.ค.มีสัญญาณดีขึ้น ระบุการบริโภค-ลงทุนเอกชนผงกหัว จากสถานการณ์วิกฤติการเมืองคลี่คลาย ดึงเชื่อมั่น ฟื้นตัว มั่นใจเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจด้านการใช้จ่าย-ลงทุนเอกชน-ใช้จ่ายภาครัฐ จะเป็นแรงกระตุ้น ศก.ไทย ตั้งแต่ มิ.ย.เป็นต้นไป
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ขอแจ้งการปรับเปลี่ยนกำหนดการแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง เนื่องจากได้มีการปรับเปลี่ยนกำหนดการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและรายงานนโยบายการเงินรายไตรมาสของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากเดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม ตุลาคม มาเป็นเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม ส่งผลให้แนวทางการแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธปท. และกระทรวงการคลังที่เคยปฏิบัติมาในอดีตที่ทั้ง 3 หน่วยงานจะสลับกันประกาศประมาณการเศรษฐกิจหน่วยงานละเดือน เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมหารือเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจประจำเดือนมิถุนายน 2557 ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานเศรษฐกิจ เช่น สศค. ธปท. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น จึงพิจารณาเห็นควรให้ สศค.ปรับเปลี่ยนเวลาในการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจที่ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นประจำในทุกเดือน ดังนั้น สศค.จะได้มีการแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจจากเดิมที่มีการประกาศในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม เป็นกำหนดการใหม่ คือ เดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคม เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจที่ทันต่อสถานการณ์ จากทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง สศช. และ ธปท.ในทุกเดือน
สำหรับ ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤษภาคม2557 สัญญาณทางเศรษฐกิจไทยด้านการใช้จ่ายในประเทศเริ่มดีขึ้น ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่วิกฤติการเมืองได้คลี่คลายลง ส่งผลทำให้การใช้จ่ายภาครัฐเร่งขึ้น และภาคเอกชนเกิดความมั่นใจขึ้น แต่การใช้จ่ายต่างประเทศเริ่มลดลงทั้งส่งออกสินค้าและด้านบริการ อย่างไรก็ตามด้านเสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะเริ่มมีแรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังแข็งแกร่ง
การบริโภคภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ3เดือน มาอยู่ที่ 2.3%ต่อปี ตามการจัดเก็บบนฐานการนำเข้าที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน โดยขยายตัว5.0%ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศขยายตัว 0.1%ต่อปี สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 60.7 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลง การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
สำหรับ การใช้จ่ายภาครัฐมีอัตราเร่งขึ้น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย สะท้อนจากการเบิกจ่าย งบประมาณปีปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 142.5 พันล้านบาท ขยายตัว 13.3%ต่อปี เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 5.6%ต่อปี ส่งผลอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2557 ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณเบิกจ่ายได้ 1,565.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 62.0%จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 56.4%ของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2557 ขณะที่ด้านอุปสงค์ต่างประเทศยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากการส่งออกสินค้าของไทยที่ หดตัวที่ -2.1%ต่อปี และ -2.6%เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 85.1 นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ7เดือน ด้านเสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะเริ่มมีแรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยในเดือนพฤษภาคม2557 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่2.6%ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่2.5%ต่อปี ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยอยู่ที่0.9%ของกำลังแรงงานรวมซึ่งคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงานเท่ากับ 3.62 แสนคน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
"เดือนพฤษภาคม2557 ถือเป็นเดือนหัวเลี้ยวหัวต่อของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่าเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐจะกลับมามีพลัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน2557 เป็นต้นไป" นายสมชัย กล่าว