- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 17 May 2015 09:43
- Hits: 3368
คลัง จ่อกระตุ้น ศก.อีกรอบรอโอกาสเน้นเอสเอ็มอี-เกษตรหวังเป้าจีดีพีโต 3.5%
บ้านเมือง : คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกรอบเน้นภาคเอสเอ็มอี และเกษตร เตรียมประกาศใช้ในช่วงเหมาะสม หวังช่วยกระตุ้นจีดีพีไทย ปีนี้โต 3.5% เผยเตรียมอนุมัติเพิ่มนาโนไฟแนนซ์อีก 1 แห่ง ด้านแบงก์ชาติ ระบุภาพรวมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไทยแกร่ง มีเงินสำรองและเงินกองทุนในระดับสูง ขณะที่ผลการดำเนินงานยังมีกำไรไตรมาส 1 ปี 58 มีกำไรสุทธิ 52.5 พันล้านบาท
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จึงส่งผลต่อการส่งออกของไทยและทำให้การผลิตสินค้าในประเทศลดลง เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ แม้สภาพคล่องจะมีมากเพียงพอแต่ไม่กล้าปล่อย เนื่องจากกังวลว่าลูกค้าอาจชำระหนี้ไม่ได้ เม็ดเงินจากแบงก์จึงไม่ออกสู่ระบบ ทำให้การบริโภคในประเทศไม่ฟื้นตัว แต่ยืนยันว่าภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ เน้นดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและภาคเกษตร ซึ่งกำลังศึกษาแนวทางต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนประกาศใช้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อหวังให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.7 จึงเป็นระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจหลายประเทศ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา
นายสมหมาย กล่าวว่า ขณะนี้ลงนามใบอนุญาตให้บริษัทเอกชนเพิ่มอีก 1 ราย เข้าร่วมโครงการนาโนไฟแนนซ์ คือ บริษัท ไอร่า แอนด์ไอฟุล จำกัด ส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดให้บริการสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมิถุนายน สำหรับทุนประกอบการมีความแตกต่างกันทั้งรายเล็ก รายใหญ่ 500-1,000 ล้านบาท จึงน่าจะทำให้ปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มต่างๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น
ด้านนายจาตุรงค์ จันทรังษี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2558 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้ากว่าที่คาดส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวชะลอลงและคุณภาพสินเชื่อด้อยลงบ้าง อย่างไรก็ดี ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินสำรองและเงินกองทุนในระดับสูง ขณะที่ผลการดำเนินงานยังมีกำไรเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้ากว่าที่คาด กอปรกับความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอตัวจากร้อยละ 5.0 ในไตรมาสก่อน
คุณภาพสินเชื่อโดยรวมด้อยลงจากสินเชื่อ SME และสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) มียอดคงค้าง 298.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 21.1 พันล้านบาท เทียบกับยอดสินเชื่อรวมทั้งหมด 13.0 ล้านล้านบาท ขณะที่คุณภาพสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ทรงตัว สินเชื่อธุรกิจ SME ขนาดเล็กและสินเชื่ออุปโภคบริโภคมี NPL เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มี
หลักประกัน สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) เพิ่มขึ้นเป็น 366.2 พันล้านบาทในสินเชื่อหลายประเภท ระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 52.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,025.1 พันล้านบาท ลดลง 18.1 พันล้านบาทจากสิ้นปีก่อน
นายจาตุรงค์ กล่าวว่า แนวโน้ม NPLไตรมาส 2 ของสินเชื่อ SME และสินเชื่ออุปโภคบริโภคมีโอกาสปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรก จากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวและยังไม่น่าลดลงในระยะสั้น แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถาบันการเงินมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง และธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,025.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 5.25 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับระยะเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าการขยายตัวสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปีนี้เป็นไปตามคาดการณ์ 7% ภายใต้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2558 ที่ 3.8-4% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงเป้าการปล่อยสินเชื่อ และมองว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยมองว่าจะมาจากการเติบโตของสินเชื่อทุกกลุ่มที่คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างน้อย 10% ในทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ที่ยังมีแนวโน้มลดลง ส่วนแนวโน้มสินเชื่อรายใหญ่คาดว่าขยายตัวต่อเนื่อง
รมว.คลังเชื่อ GDP ไทยปีนี้โต 3.5% ไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 3.5% อย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ดีขึ้นมากจากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้เพียง 0.7% ภายหลังจากที่ผ่านสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมาตลอดในช่วงครึ่งแรกของปี 57 ขณะที่ยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 58 ถือว่าซบเซาเมื่อเทียบกับในปี 57 โดยหลายประเทศมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงจากปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย, เกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น
“ปีนี้ไทยโชคดี ไม่ได้ถือว่าเก่ง แต่เป็นการโผล่ขึ้นมาจากหลุม 6 เดือนแรกปี 57 เราติดลบ แต่หลังจากผ่านการปฏิวัติมาแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 57 โตได้ 0.7% ส่วนปีนี้น่าจะโตได้ 3.5% แน่นอน ซึ่งถือว่าโตขึ้นมากจากปี 57" รมว.คลังระบุ
รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า จากที่ภาคการส่งออกอาจไม่สามารถสร้างรายได้เพื่อเป็นแรงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้มากนักในปีนี้ ดังนั้นสิ่งที่พอจะเข้ามาช่วยเสริมได้คือ รายได้จากการจัดเก็บภาษี ซึ่งจำเป็นต้องมีการขยายฐานภาษีให้มากขึ้น เช่น ภาษีมรดก ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วาระที่ 3 ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้
พร้อมยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลต่อภาวะเงินฝืด เพราะสถานการณ์ของไทยในขณะนี้ไม่ใช่ภาวะเงินฝืด แต่เป็นสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัว และภายในปีนี้น่าจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของการให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรและผู้ประกอบการ SMEs ออกมา
อินโฟเควสท์