WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GFIMS-เล็งเป้ากลุ่มเกษตรกร-เอสเอ็มอี-ยอมรับเม็ดเงินระบบไม่มี คลังเข็นมาตรการสู้ศก.ซบ

       แนวหน้า : รมว.คลัง ยอมรับสารภาพ เศรษฐกิจไทยปีนี้ชะลอตัว ยันไม่ใช่ภาวะเงินฝืด แต่เม็ดเงินไม่ไหลเข้าระบบ เหตุแบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้ รายได้กลุ่มส่งออกและเกษตรกรหดหาย รัฐบาลไม่มีทางเลือกต้องออกมาตรการกระตุ้น แย้มภายในปีนี้ได้เห็นแน่ เน้นกลุ่มภาคการเกษตร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

      นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังไม่อยู่ในภาวะเงินฝืด แต่เป็นสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัว เรียกว่าเงินไม่มี เนื่องจากประชาชนถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพราะธนาคารกลัวเป็นหนี้เสีย ทำให้ไม่กล้าปล่อยกู้ นอกจากนี้ในส่วนรายได้จากการส่งออก ยังคงได้น้อย เนื่องจากการส่งออกหดตัว ทำให้เงินไม่สามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในขณะเดียวกัน รายได้ของเกษตรกรก็ได้น้อยลง เนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้รายได้ของเกษตรกรน้อยลงตามไปด้วย

    ทั้งนี้ ภาวะดังกล่าว ถือเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ชะลอตัว เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปีนี้ซบเซามากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมองเศรษฐกิจทุกประเทศในปี 2558 ขยายตัวได้ต่ำกว่าปี 2557 ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ และโดยเฉพาะจีนที่ในปี 2556 ขยายตัว 7.7% ในปี 2557 ขยายตัวได้ 7.4% แต่ปีนี้จะขยายตัวได้ 6.6-6.7% ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา 1% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่ลดลง ถือว่าสูงมากกว่าการส่งออกของไทยทั้งหมดที่ไปจีน นอกจากนี้ในปี 2559 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 6.3%

    นายสมหมาย กล่าวว่า ภาครัฐคงหนีไม่พ้นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และภายในปีนี้อาจจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของการให้ความช่วยเหลือภาคการเกษตรและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีออกมา อย่างไรก็ตาม แม้ภาคการส่งออกยังไม่สามารถฟื้นตัวจนทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี แต่รัฐบาลอยู่ระหว่างการปฏิรูปภาษี เพื่อให้รายได้ของประเทศมีการจัดเก็บอย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องมีการขยายฐานภาษี โดยในส่วนของ พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระที่ 3 ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้

   กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ เน้นดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและภาคเกษตร ซึ่งกำลังศึกษาแนวทางต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนประกาศใช้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อหวังให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.5% สูงขึ้นจาก

    ปีที่ผ่านมา 0.7% จึงเป็นระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจหลายประเทศ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา” นายสมหมาย กล่าว

    นายสมหมาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ลงนามใบอนุญาตให้บริษัทเอกชนเพิ่มอีก 1 ราย เข้าร่วมโครงการนาโนไฟแนนซ์ คือ บริษัท ไอร่า แอนด์ไอฟุล จำกัด ส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดให้บริการสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมิถุนายน สำหรับทุนประกอบการมีความแตกต่างกันทั้งรายเล็ก รายใหญ่ 500-1,000 ล้านบาท จึงน่าจะทำให้ปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มต่างๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น

    “เศรษฐกิจไทยในปีนี้ถือว่าโชคดี เราทำก็ไม่ได้เก่งมาก แต่เราโผล่ออกมาจากหลุมได้ หากย้อนดูเศรษฐกิจครึ่งปีแรกของปี 2557 ที่ขยายตัวติดลบ แต่ในครึ่งปีหลังรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หามาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องจนขยายตัวเป็นบวก ทำให้ทั้งปี 2557 ขยายตัวได้ 0.7% โดยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ต่อปี” นายสมหมาย กล่าว

    ด้านประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากในการประชุมรอบเดือนมิถุนายนนี้ยังไม่ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีโอกาสเห็นราคาทองในประเทศแตะระดับ 20,000 บาท ภายใต้ค่าเงินบาท 34 บาทต่อดอลลาร์ และราคาทองโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 1,230-1,250 เหรียญต่อออนซ์

     “ปัจจัยเรื่องความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการขึ้นดอกเบี้ยนั้น คลี่คลายลง หลังจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีสัญญาณชะลอตัวของภาคการผลิตและภาคการบริโภคในประเทศ ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดน่าจะชะลอออกไป จากเดิมศูนย์วิจัยทองคำ วิเคราะห์ว่าหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมภายในเดือนกันยายน 2558 ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่ำสุดใกล้ระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อปัจจัยดังกล่าวคลี่คลายลง เชื่อว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,160-1,220 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือราคาภายในประเทศอยู่ที่ 18,000-19,500 บาทต่อบาททองคำ”

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!