- Details
- Category: คลัง
- Published: Monday, 04 May 2015 23:19
- Hits: 3736
สศค.หั่นเป้าจีดีพีปีนี้ลงเหลือ 3.7% จาก 3.9% ส่วนส่งออกคาดเหลือโต 0.2% จาก 1.4% วันนี้เชื่อ กนง. คงดอกเบี้ยที่ 1.75%
สศค.หั่นเป้าจีดีพีปีนี้ลงเหลือ 3.7% จาก 3.9% ส่วนจีดีพี Q1/58 โต 3.2% หลังศก.ฟื้นตัวดีขึ้น - การใช้จ่ายในประเทศช่วยหนุน ขณะที่ส่งออกคาดจะเหลือโต 0.2% จาก 1.4% นำเข้าคาดติดลบ 0.2% ด้านเงินเฟ้อทั่วไปปี 58 คาดอยู่ที่ 0.2% เงินเฟ้อพื้นฐาน 1.3% ส่วนประชุม กนง. วันนี้เชื่อจะคงดอกเบี้ยที่ 1.75% ปัดยังไม่ทราบข่าวเรื่องแนวทางดูแลอัตราแลกเปลี่ยน หลัง "หม่อมอุ๋ย" แย้มอีก 2-3 วันจะมีข่าวดีเรื่องนี้ แนะจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง คาดกดบาทอ่อนค่าลง จากปัจจุบันที่ 32.60บาทต่อดอลล์
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า สศค.ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยปี 58 ลงเหลือ 3.7% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มของการปรับลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตร สำหรับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวได้ 3.2%
นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดประมาณการส่งออกลงเหลือ 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.4% ด้านการนำเข้าคาดว่าจะติดลบ 0.2% จากเดิมที่ 4% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ปรับลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.2% ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสินค้าในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 1.3%
อย่างไรก็ตาม มองว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ขยายตัวที่ 3.7% นั้น โดยมีช่วงการคาดการณ์ที่ 3.2-4.2% ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 0.7% เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวได้ 9.5% การบริโภคภาครัฐจะขยายตัวได้ 4.3% เป็นผลจากมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายที่จะดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2558 ประกอบกับโครงการลงทุนที่มีความชัดเจน เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน และโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมขนส่ง จะเป็นแรงกระตุ้นให้กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชะนีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างเช่นเดียวกัน โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัว 2.2% เนื่องจากแนวโน้มการจ้างงาน และรายได้นอกภาคเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน
ด้านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในวันนี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าใน 2-3 วันนี้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ขณะนี้ สศค.ยังไม่ทราบในส่วนของรายละเอียดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะมีมาตรการอะไรออกมาดูแลในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และสามารถแข่งขันได้หรือไม่
สำหรับ ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่า 1.9% แต่เมื่อเทียบกับคู่ค้าไทยแข็งค่า 7.6% ซึ่งมองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ค่าเงินบาทยังคงเคลี่อนไหวในทิศทางอ่อนค่ากว่าปัจจุบันที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์อย่างแน่นอน เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้เงินทุนไหลออกทั้งในภูมิภาค รวมถึงไทย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่าในปัจจุบันแน่นอน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย