- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 05 April 2015 09:38
- Hits: 1892
คลัง เผย อยู่ระหว่างการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ. การดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา เน้นให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 ว่า กฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา ถือเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประชาชนในการเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายสินค้าระหว่างคู่สัญญาหรือผู้ซื้อและผู้ขาย โดยประชาชนจะสามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวได้โดยผ่าน Escrow Agent ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2553 ได้มีการนำกฎหมายดังกล่าวไปใช้ในธุรกรรมการซื้อขายสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายเครื่องมือแพทย์ การเสนอขายหุ้นในตลาดทุน ซึ่งพบว่าธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านการใช้ Escrow Agent มีความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวได้ถูกยกร่างขึ้นภายหลังจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์เมื่อปี 2540 ซึ่งในขณะนั้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งไม่สามารถดำเนินการสร้างบ้านได้แล้วเสร็จ และมีการนำเงินดาวน์ที่ได้จากผู้ซื้อบ้านไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ผู้ซื้อบ้านไม่ได้บ้าน และไม่ได้รับเงินดาวน์คืนด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เสนอให้มีการตราพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 เพื่อกำหนดให้มีคนกลางในการทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อได้รับทรัพย์สิน และผู้ขายได้รับเงินตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ อันจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการระบบการซื้อขายสินค้าให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันพบว่ายังมีข้อจำกัดบางประการของกฎหมายที่ทำให้การนำไปใช้ยังไม่แพร่หลายมากนัก กระทรวงการคลังจึงได้รวบรวมประเด็นปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ขึ้น ซึ่งได้จัดทำแล้วเสร็จไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2557 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการยกร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ซึ่งสาระสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ไขข้อจำกัดในการนำกฎหมายไปใช้ รวมทั้งได้ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภทให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างทั่วถึงมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เมื่อแก้ไขกฎหมายแล้วเสร็จ กระทรวงการคลังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการนำกฎหมายไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความเชื่อมั่นในการซื้อขายสินค้าให้เกิดขึ้นกับประชาชนทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอย่างแท้จริง
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย