WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คลังชี้ 0.25%ยังปลุกเศรษฐกิจไม่ขึ้น-แค่สกัดปัญหาเงินไหลเข้า

   แนวหน้า : คลังชี้ 0.25%ยังปลุกเศรษฐกิจไม่ขึ้น แค่สกัดปัญหาเงินไหลเข้า ส่งสัญญาณดบ.ต้องลดอีก

   รมว.คลังยอมรับแบงก์ชาติหั่นดอกเบี้ยนโยบายแค่ 0.25% ยังไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก และไม่ใช่สัญญาณชัดเจนที่บอกว่าดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง เพราะเสียงยังก้ำกึ่ง แค่ถูกกดดันจากสังคม และสกัดปัญหาเงินไหลเข้าเท่านั้น ด้านผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ เชื่อกำลังซื้ออาจเพื่มขึ้นหลังดอกเบี้ยลดลง คนตัดวินใจซื้อบ้าน เพราะผ่อนชำระลดลง

  นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง. )ที่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % เหลือ 1.75 % ว่า ยังไม่ถือเป็นการส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาลงที่ชัดเจน เนื่องจากเสียงของกรรมการที่ 4 ต่อ 3 ยังไม่มากพอที่จะทำให้นักการเงินการคลัง มั่นใจว่าดอกเบี้ยจะอยู่ในขาลง หากต้องการให้เห็นสัญญาณดอกเบี้ยขาลงต้องได้เสียง 6 ต่อ 1 หรือ 7 ต่อ 0 อย่างเป็นเอกฉันท์

 ทั้งนี้ จากการที่ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มองว่ายังไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยมากนัก เป็นเพราะมีความกดดันจากสังคม และเป็นการป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลเข้า จากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจด้วยการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร ตั้งแต่เดือนมี.ค.นี้ มากกว่าเหตุผลที่ว่าเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาด

   ยอมรับที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ เพราะการส่งออกไม่ดี ซึ่งเป็นส่วน 3 ใน 4 ของจีดีพี ตอนนี้จึงยังคาดการณ์ไม่ถูกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ถึง 4 % อย่างที่คาดไว้หรือไม่ แต่ในส่วนของนโยบายการคลังก็พยายามเร่งเต็มที่และเตรียมจะออกมาตรการเพิ่มอีก แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้นายสมหมาย กล่าว

    ขณะที่การจัดเก็บภาษีถ้าทำได้มากขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้นซึ่งจะสอดคล้องกับรายจ่ายที่มีด้วย โดยมองว่ารายได้จากภาษีของไทยไม่ควรหยุดอยู่ที่ 18% ของจีดีพี แต่ควรเพิ่มเป็น 20-21% หรือที่เหมาะสมคือ 30% ของจีดีพี เพื่อรองรับกับภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต

   "ตอนนี้เราพึ่งการส่งออกมากไป พอการส่งออกแย่ ก็ต้องเอาภาคอื่นมาช่วยงัด ซึ่งในส่วนของการบริหารเศรษฐกิจก็พยายามทำ ยอมรับว่าการเบิกจ่ายภาครัฐยังทำได้ไม่มาก แต่กำลังคิดมาตรการช่วยอยู่ แต่ยังไม่ขอพูดตอนนี้ " นายสมหมายกล่าว

    ด้านนางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ( มหาชน) กล่าวว่า การที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 % ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดงมาเหลือ  1.75 % นั้น มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำจะช่วยสร้างความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น และทำให้ภาระการผ่อนบ้านน้อยลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุด คือ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ หากการฟื้นตัวไม่ดีขึ้นจะกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก

    นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ กนง.มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง คาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 % ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.58) ยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขาย โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าและมองว่าปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะเติบโต 5 % จากปีก่อนนายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีแนวโน้มขนายตัวดีขึ้นจากปีก่อนตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าขยายตัวได้ 4 % มีแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ บวกกับราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงมาก ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างไม่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับได้รับแรงส่งจากที่ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.75 % จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจไทยได้

  นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลท.  เปิดเผยว่า ส่วนกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เชื่อว่าจะส่งผลให้มีเม็ดเงินฝากย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการปรับลดลงเพียงเล็กน้อย และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของไทยก็อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว แต่มองว่าจะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นแล้ว ถือลงทุนระยะยาวมากขึ้น เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่าเทียบกับการลงทุนระยะสั้น

   ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % จะส่งส่งผลดีต่อการส่งออกไทย โดยจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ สำหรับเป้าหมายการส่งออกปีนี้จะนำไปหารือในการประชุมทูตพาณิชย์ในวันที่ 16 มีนาคมเพื่อประเมินสถานการณ์ล่าสุดจากปัจจัยภายนอกและภายใน ว่าจะปรับเป้าหมายหรือไม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ 4 % โดยเฉพาะกรณีสหภาพยุโรป ออกมาตการคิวอีออกทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลง รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าและปัจจัยในด้านอื่นๆมาประกอบการหารือในครั้งนี้

สมหมายปรี๊ด'กนง.'หั่นดบ.ไร้ผล ตลท.ไม่ห่วงต่างชาติโยกเงินหนี

      ไทยโพสต์ : ไทยโพสต์ * 'สมหมาย'ปรี๊ด! กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ สับแค่กลัวกระแสสังคม สกัดเงินไหลเข้าเพราะ QE ด้าน ตลาดทุนไม่ห่วงต่างชาติโยกเงิน เพราะไม่เลวร้าย

    นายสมหมาย ภาษี รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.75% ว่า ไม่น่าจะมีผลในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่คิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของจีดีพี โดยมองว่าเหตุผลที่ กนง.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง มาจากแรงกดดันของกระแสสังคมมากกว่า รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินทุนไหลเข้าจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

     สำหรับ เหตุผลของ กนง. ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่อง จากเศรษฐกิจโตช้ากว่าที่คาดนั้น อาจเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะ ตามข้อเท็จจริงแล้ว เศรษฐกิจไทยขยายตัวช้ากว่าที่คาดจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ เพียงแต่เราไม่อยากโทษตัวเอง เนื่อง จากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว เป็นเหตุผลสำคัญมาจากการส่งออกที่ยังแย่อยู่มาก

    นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐ กิจไทยมาก หลังจาก กนง.ประ กาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่โตอย่างที่คาด ส่งผลให้ต้องมีการกระตุ้นทุกวิธี รวมถึงต้องใช้นโยบายทางการเงินเข้ามาช่วยกระตุ้น

    ส่วนของตลาดทุน เชื่อว่าการโยกย้ายของเงินฝากเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง คาดว่ามีไม่มาก เพราะปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของไทยก็อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว และหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบให้เงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากเป็นปัจ จัยลบที่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับในช่วงที่เกิดปฏิวัติในปี 2557 และปี 2556 ที่เฟดยกเลิกมาตรการคิวอี ที่เงินลงทุนต่างชาติไหลออกเป็นจำนวนมาก.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!