- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 15 February 2015 00:02
- Hits: 2146
คลังมั่นใจจีดีพี ปีนี้โต 4% กลางเดือนนี้ชงพ.ร.บ.การออมแห่งชาติ-ภาษีที่ดินฯเข้า ครม.
คลังมั่นใจจีดีพีปี 58 โต 4% สัปดาห์หน้า ชง พ.ร.บ.การออมแห่งชาติเข้า ครม.ตามด้วยเสนอปรับหลักเกณฑ์ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมระบุเรื่องค่าเงินบาท แบงก์ชาติดูแลได้ดีอยู่แล้ว ปัดสั่งลดดอกเบี้ย สวนทางกับ ‘ทนง พิทยะ’อดีต รมว.คลัง แนะ กนง.ลดดอกเบี้ย 0.50% กระตุ้น ศก.มองจีดีพีปีนี้โต 3-3.5%
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อแนวนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงการคลัง บทบาท ภารกิจ และการบูรณาการร่วมกัน ว่า ใน ปีนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ จีดีพี ปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5-4.5% หรือเฉลี่ยที่ 4% และสามารถที่จะแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ หลังจากปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียน ดังนั้น ในปีนี้ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ รัฐบาลพยายามสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจเต็มที่ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งดำเนินการแล้ว 5 แห่ง คือ แม่สอด มุกดาหาร อรัญประเทศ สะเดา และคลองลึก
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางภาษี โดยการลดภาษีให้กับผู้ประกอบการที่เข้าไปขยายโรงงาน หรือตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมไปถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนทั้งที่เกี่ยวข้องกับภาษีและไม่เกี่ยวข้องกับภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการลงทุน นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาเอสเอ็มอี เนื่องจาก เอสเอ็มอีเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งกระทรวงการคลังได้มีการประกาศปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขณะที่กระทรวงการคลังยังเดินหน้าการปฏิรูปภาษีอย่างต่อเนื่อง เช่น ภาษีมรดก ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตและศุลกากรให้มีความทันสมัย
ส่วนการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลในขณะนี้ยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นผลจากการลดภาษี เพื่อกระตุ้นการลงทุน แต่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT นั้นพบว่า ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน สะท้อนว่าประชาชนเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยได้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเดินหน้าตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยประกาศนาโนไฟแนนซ์ เพื่อให้ประชาชนรากหญ้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ส่วนแผนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากนั้น ทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตพัฒนาด้านเกษตร เป็นต้น
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าพระราชบัญญัติการออมแห่งชาตินั้น กระทรวงการคลัง เตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี หรือครม.ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีวินัยในการออมเพื่อเกษียณอายุมากขึ้น
ขณะที่ภาพการส่งออกในไตรมาสแรกปีนี้ ยอมรับว่า การส่งออกของไทยจะยังไม่ขยายตัวดีมากนัก เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า แต่ภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่คลายความกังวลการคงประกาศกฎอัยการศึก
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สามารถดูแลค่าเงินบาทได้อย่างเหมาะสม โดยมีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งค่าเงินและเงินทุนไหลเข้า แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์นั้นอ่อนค่า แต่ถือว่าแข็งค่าหากเทียบกับสกุลอื่นๆในภูมิภาค พร้อมกันนี้ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ย
"ก่อนหน้านี้ มีคนบอกว่าผมสั่งให้ ธปท.ลดดอกเบี้ย แต่ไม่ใช่ ผมแค่บอกว่าหากมีเงินร้อนเข้ามาจากคิวอีนั้น ธปท.เป็นหน่วยงานที่ดูแลได้ คือในเรื่องของการลดดอกเบี้ยแต่ผมไม่ได้สั่งเขา"นายสมหมายกล่าว
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.พ. นี้จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาหลักเกณฑ์จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยเบื้องต้นกำหนดราคาในการจัดเก็บภาษีสำหรับบ้านและที่ดิน ที่มีราคาประเมินราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท อาจไม่ต้องเสียภาษี และหากราคาประเมินเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป แต่หัก 50% ของราคาเต็มแล้วไม่เกิน 2ล้านบาท จะเสียภาษีในฐาน 2 ล้านบาท และสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ แต่หากเกินกว่านั้นจะเสียภาษีในอัตรา 0.01% ต่อปี โดยไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะเสนอให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อน
ส่วนแผนการช่วยเหลือคนจน ตอนนี้อยู่ในส่วนของการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงินเฉพะกิจของรัฐ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.มีโครงการทั้งพักหนี้และให้กู้เพิ่ม 4 โครงการ ธนาคารออมสิน 4-5 โครงการ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1 โครงการ
ดร.ทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่า จีดีพีของประเทศปีนี้จะเติบโตได้เพียง 3-3.5% เท่านั้น โดยมองว่าโครงการลงทุนของภาครัฐน่าจะปฏิบัติได้จริงเพียง 80%เพราะมักจะมีความล่าช้าในแง่ของกระบวนการ ซึ่งเศรษฐกิจโดยรวมจะมาจากการเติบโตในเมืองเป็นหลักแต่ในกลุ่มรากหญ้าหรือชนบทโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรยังคงชะลอตัว เป็นไปตามราคาสินค้าที่อยู่ในภาวะตกต่ำ หลังจากที่มีการเตรียมปรับโครงสร้างด้านการอุดหนุนจากภาครัฐ
"เราต้องเร่งปรับโครงสร้างเกี่ยวกับเศรษฐกิจของรากหญ้า เพราะจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการอุดหนุนจากภาครัฐมากเกินไป ไม่สะท้อนกับความเป็นจริงพอมีการหยุดเพื่อปรับโครงสร้างจึงเกิดปัญหาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปีนี้จะมาจากการลงทุนของภาครัฐ โดยถ้าหากเดินได้หมดทุกโครงการ 100% น่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 4% แต่ผมมองว่าโครงการจะมีความล่าช้า 10-20% ซึ่งจีดีพีปีนี้จะโตได้เพียง 3-3.5%เท่านั้น ส่วนการส่งออกจะยังคงไม่ฟื้นตัวเพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะเงินฝืด" ดร.ทนงกล่าว
ทั้งนี้ แนะนำคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยอีกราว 0.50% เพราะจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างแท้จริง โดยอาจเป็นลักษณะลดลงคราวละ 0.25% จำนวน2 ครั้งในปีนี้ เพราะต้องเป็นไปตามเทรนด์ของเศรษฐกิจอื่นๆในโลก ซึ่งเทรนด์ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำแม้อเมริกาจะฟื้นตัว แต่ก็เป็นการฟื้นตัวประเทศเดียว ที่เหลือ เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย