WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รมว.คลัง มอง ECB ประกาศใช้QE ทำบาทแข็งกระทบส่งออก แต่เชื่อ ธปท. ดูแลได้ ระบุ หากจำเป็นอาจใช้แนวทางลด ดบ.ช่วย

     รมว.คลัง มอง ECB ประกาศใช้QE ทำบาทแข็งกระทบส่งออก แต่เชื่อ ธปท. ดูแลได้ ระบุ หากจำเป็นอาจใช้แนวทางลด ดบ.ช่วย พร้อมเล็งชงตั้งงบกลาง 1 แสนลบ. สำหรับแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ลั่นการเมืองสงบ แม้วันนี้ สนช.ลงมติ ถอดถอน'ยิ่งลักษณ์' หรือไม่

     นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ประกาศใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการซื้อพันธบัตร 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน หรือคิดเป็นปีละ 7.2 แสนล้านยูโรต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการที่ญี่ปุ่นออก QE 6 แสนล้านยูโรต่อปี (เทียบจากสกุลเยนเป็นยูโร) ว่าจะส่งผลให้มีเงินสู่ระบบเป็นจำนวนมาก  และอาจทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นจนกระทบกับการส่งออก แต่อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวมั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูและค่าเงินไม่ให้เคลื่อนไหวรวดเร็วได้

   ทั้งนี้ หากค่าเงินบาทมีการแข็งค่ารวดเร็ว อีกมาตรการหนึ่งของธปท.ที่จะสามารถดูแลค่าเงินได้ อาจใช้ทฤษฎีในการลดดอกเบี้ยเพื่อประคองค่าเงิน แต่โดยส่วนตัวคงไม่ได้มีอำนาจในการบังคับหรือกำหนดให้ธปท.ลดดอกเบี้ย เนื่องจากคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธปท.ในการดูแลค่าเงินต่างๆ โดยเฉพาะในการเข้าไปแทรกแซงเงินตราไม่ให้มีการผันผวนมากจนเกินไป

   นายสมหมาย เปิดเผยด้วยว่า ส่วนตัวมีแนวคิดที่จะเสนอให้มีการจัดตั้งงบกลางสำหรับนายกรัฐมนตรีในแต่ละปีโดยวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท สำหรับใช้ในยามเกิดเหตุไม่สงบภายในประเทศ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม รวมไปถึงเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีรายได้น้อย เพื่อที่จะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเหมือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณปี 2559

   "ที่ผ่านมามีการตั้งงบกลางประจำปีอยู่แล้วสำหรับกองทรัสต์เพื่อซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ แต่จะตั้งงบกลางอีกส่วนเพื่อใช้แก้ไขปัญหาความเดือนร้อน โดยที่ผ่านมาในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน รัฐบาลจะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ และใช้หนี้ในปีงบประมาณถัดไป แต่ในครั้งนี้อาจจะมีการตั้งงบประมาณแยกออกมา เพื่อใช้ในยามฉุกเฉินโดยเฉพาะ" นายสมหมาย กล่าว

   สำหรับ สถานการณ์การเมืองในประเทศ นายสมหมาย ยืนยันว่าขณะนี้มีเสถียรภาพและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

   "เชื่อว่านายกรัฐมนตรี ยังสามารถดูแลความสงบในประเทศได้ และไม่มีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้น แม้ในวันนี้จะถูกจับตามองในกรณีที่จะมีการตัดสินคดีรับจำนำข้าวของอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"นายสมหมายกล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

คลังเตือนรับมือคิวอียุโรป แนะธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบาย

     แนวหน้า : นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณี ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ที่จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 7.2 แสนล้านยูโร และการอัดฉีดจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเฉลี่ยปีละ 6 แสนล้านยูโร ถือเป็นปริมาณเงินที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งจะทำให้เงินไหลเข้ามาในไทยมากขึ้น ทำให้ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวน ดังนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรดูแลอย่างใกล้ชิดโดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง

  ทั้งนี้ การที่อีซีบีได้ออกมาตรการคิวอีอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน ในระยะต่อไปอ่อนค่าลง เกิดการผันผวนตลาดเงินและตลาดทุน มาลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในภูมิภาคอื่นมากขึ้น ในส่วนของไทยเงินไหลเข้ามามากค่าเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้การขยายตัวของภาคการส่งออกในปีนี้ลดลง

    "การดูแลความผันผวนผ่านนโยบายการคลังก็จะทำอย่างเต็มที่ ในปีนี้จะพยายามเร่งรัดรายจ่ายประจำและงบลงทุน ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการลงทุนที่เน้นดูแลสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตในชนบท กระทรวงการคลังก็จะทำเรื่อยๆ และทำอย่างเต็มที่" นายสมหมาย กล่าว

    นายสมหมาย กล่าวว่า เป็นห่วงภาคการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการคิวอี ผู้ส่งออกจะต้องแข่งขันมากขึ้น ซึ่งจากการติดตามค่าเงินในภูมิภาค การแข็งค่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ได้แข็งค่าเฉพาะค่าเงินบาทอย่างเดียว ขณะที่ผลดีจากมาตรการคิวอี จะทำให้ประชาชนทั้งในยุโรป และญี่ปุ่น มีกำลังบริโภคมากขึ้น ก็จะสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย

   นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า มาตรการคิวอีเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่วงเงินเพิ่มจาก 5 แสนยูโร เพิ่มเป็น 1.1 ล้านยูโร จะส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงในทันที 1% และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.3% นับว่าแข็งค่ามาก แต่คงเกิดขึ้นในระยะสั้น ดังนั้น ธปท.จะต้องเป็นผู้ดูแลค่าเงินไม่ให้เกิดความผันผวน ขณะเดียวกันยังต้องจับตาผลกระทบต่อค่าเงินจากกรณีที่กรีซจะเลือกตั้งในวันที่ 25 ม.ค.นี้อีกครั้ง หากกรีซออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ก็จะเกิดความผันผวนในตลาดการเงินเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ ยอมรับว่าการออกมาตรการคิวอีจะมีกระทบต่อการส่งออก ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องทำประกันความความเสี่ยงจากตลาดการเงินที่มีความผันผวนไปทั่วโลก เบื้องต้นมองการขยายตัวการส่งออกทั้งปีที่ 2-3% โดยในช่วงที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่า และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักร เพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ จึงได้รับผลดีในการนำเข้าวัตถุดิบการผลิตต่าง ๆ เพื่อให้มีต้นทุนถูกลง  คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงนำเรื่องดังกล่าวพิจารณา  ควบคู่กับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ

    "เป็นโอกาสดีสำหรับผู้นำเข้า เพราะค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ในทางกลับกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้เป็นโอกาสเน้นงบลงทุนมาก ซึ่งเศรษฐกิจในปีนี้จะพึ่งการส่งออกอย่างเดียวก็ไม่ได้ดีอย่างที่คาด โดยการออกมาตรากรคิวอีของอีซีบีนั้นจะทำให้เม็ดเงินไหลมากขึ้น แต่มองว่า กนง.ไม่มีแรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเงินเฟ้อยังต่ำ จากราคาน้ำมันลด" นายเอกนิติ กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!