WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คลัง เผย หนี้สาธารณะคงค้างสิ้น ก.ย. 57 อยู่ที่ 46.51% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากระดับ 46.46% ในเดือน ส.ค.

  นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 มีจำนวน 5,690,814.15 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 46.51 ของ GDP (อนึ่ง ในเดือน ส.ค.ยอดหนี้สาธารณะคงค้างอยู่ที่ 46.46%)โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,965,455.04 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,087,393.91 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 626,508.18 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 11,457.02 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 40,850.10 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 41,080.08 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ลดลง 7,443.37 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 11,126.33 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง 3,912.94 ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีหนี้คงค้าง ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557

   1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 50,666.64 ล้านบาท เนื่องจาก

  1.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 492.49 ล้านบาท โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 605.12 ล้านบาท ในขณะที่การเบิกจ่ายและชำระคืนเงินกู้ สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 112.63 ล้านบาท

   1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 51,159.13 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญเกิดจาก

เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้เพิ่มขึ้น 56,997.92 ล้านบาท เนื่องจาก

การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลังสุทธิ 30,500 ล้านบาท

การกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 11,570 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 6,490 ล้านบาท

การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 11,635 ล้านบาท เพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ประมูลได้ไม่ครบ

การชำระคืนหนี้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จำนวน 3,197.08 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง จำนวน 9,936 ล้านบาท เนื่องจาก

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท และ 4,000 ล้านบาท ตามลำดับ

การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร 900 ล้านบาท

รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 5,836 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 5,910 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 11,746 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2,649.38 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 1,385.22 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทลดลง 1,264.16 ล้านบาท

การชำระคืนหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจตาม พ.ร.ก. ไทยเข้มแข็ง จำนวน 11,866 ล้านบาท

 การเบิกจ่ายเงินกู้ 550 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศฯ

การเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 839.01 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 1,597.56 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 363.24 ล้านบาท รวมถึงการเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดง จำนวน 57.40 ล้านบาท

 การเบิกจ่ายเงินกู้ 2,620 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้ DPL เพิ่มขึ้น 2,620 ล้านบาท เนื่องจาก การเบิกจ่ายเงินกู้ ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลกเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) โดยแบ่งเป็น การเบิกจ่ายเงินกู้ 580 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 และการเบิกจ่ายเงินกู้ 2,040 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557

 1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า  9,586.56 ล้านบาท  เกิดจาก (1) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 4,000 ล้านบาท  โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 และ (2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) จำนวน 5,586.56 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า 

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

 2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

 2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2,366.43 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 2,316.05 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทลดลง 50.38 ล้านบาท

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 7,508.44 ล้านบาท เนื่องจาก

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 9,200 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 3,125 ล้านบาท

การไฟฟ้านครหลวงออกพันธบัตร 3,000 ล้านบาท

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท

รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 566.56 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 11,395.48 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 11,962.04 ล้านบาท

3.  หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 110.27 ล้านบาท  โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1.26 ล้านบาท ในขณะที่การชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทลดลง 111.53 ล้านบาท

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 11,236.60 ล้านบาท เนื่องจาก

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรออกพันธบัตร 10,000 ล้านบาท

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 2,236.60 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 7,244 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 5,007.40        ล้านบาท

 ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4.  หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ

 หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง จำนวน 3,912.94 ล้านบาท เนื่องจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 87.36 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 4,000.30 ล้านบาท

  หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 มีจำนวน 5,690,814.15  ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งประเภทหนี้สาธารณะคงค้างเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้น มีรายละเอียด ดังนี้

 หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,690,814.15 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 358,177.71 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.29 และหนี้ในประเทศ 5,332,636.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.71 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

 หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,690,814.15 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,517,381.41 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.95 และหนี้ระยะสั้น 173,432.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.05 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

 หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,690,814.15 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 4,874,050.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.65 และหนี้ระยะสั้น 816,763.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.35 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!