- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 21 October 2014 22:37
- Hits: 2927
โอ้! ศก.ไทยเข้าภาวะเงินฝืดขุนคลังปลอบมีสัญญาณแต่ไม่เป็นความเสี่ยงเศรษฐกิจ
บ้านเมือง : ขุนคลังยอมรับเศรษฐกิจไทย มีสัญญาณ เข้าสู่ภาวะเงินฝืด หาเงินยาก คนมีงานทำน้อย คนมีเงิน ไม่พอใจผลตอบแทน คนรวยไม่รู้จะลงทุน แบบไหนให้คุ้ม แต่ไม่เชื่อจะกลายเป็นความเสี่ยงต่อระบบ การเติบโต เพราะรอผลการกระตุ้นการใช้จ่ายจากมาตรการรัฐที่จะเห็นผลปลายปี ประกาศ เตรียมเสนอแผนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบผ่านโครงการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ปล่อยกู้แก้หนี้นอกระบบคาดอัตราดอกเบี้ย 32-36%ภายใน 2 สัปดาห์นี้เพื่อชง ครม.อนุมัติ
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากผู้ที่มีรายได้น้อยหางานทำได้ยาก จึงไม่มีกำลังจะใช้จ่าย ขณะที่ผู้ที่มีเงินอยากใช้เงิน แต่ไม่รู้จะใช้ทำอะไร แต่เชื่อว่าคงยังไม่เป็นความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะพื้นฐานยังแข็งแกร่งโดยเป็นเศรษฐกิจที่เกิดการหยุดชะงัก และเงินเฟ้ออยู่ คนจนไม่เงินใช้จ่ายรู้สึกฝืดเคือง ขณะที่คนรวยมีเงินไม่รู้ว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไรจึงจะได้ผลตอบแทนเพราะยังมีความกังวล จึงทำให้ไม่มีการใช่จ่าย ไม่มีการลงทุน ดังนั้นจึงขอประเมินดูช่วงปลายปีนี้หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วว่ามีผลอย่างไร จึงเตรียมหาแนวทางแก้ปัญหาเพิ่มเติม
"ยังไม่ได้กังวลว่าเรื่องเงินฝืดจะกลายเป็นความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ เพราะฐานะการเงินการคลังของเรายังแข็งแกร่ง ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าประเทศเราจน แต่ว่าเหมือนเราหยุดอยู่กับที่แค่นั้น ถ้าไปได้เราก็เดินต่อ อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปจนถึงสิ้นปี รัฐบาลคงจะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากที่ได้ประกาศไปแล้ว เพราะจะต้องใช้เวลารอดูผลของมาตรการต่างๆ ก่อนว่าเป็นอย่างไร และช่วงนี้เป็นช่วงของการเดินเครื่องเศรษฐกิจ" นายสมหมาย กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังทุกหน่วยงานทั้งกรมสรรพากร ศุลกากร สรรพสามิต เปิดช่องทางร้องเรียนจากประชาชน ทั้งผ่านเมล เฟซบุ๊ค โทรสายด่วน ร้องเรียนในทุกช่องทางป้องกันปัญหาข้าราชการประพฤติมิชอบ ส่วนผู้กระทำดีให้แรงจูงใจ และหาทางปลูกฝังคุณธรรม เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงโยกย้ายคนดีไม่มีพรรคพวกจะถูกรังแกไม่เติบโต จึงต้องการเปิดให้ประชาชนร้องเรียนเข้ามาในทุกด้าน.
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปร่วมการ โรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศ มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายสนใจและเสนอที่จะปล่อยกู้ให้กับประเทศไทยเพื่อนำไปใช้ในโครงการลงทุนต่างๆ แต่เรายืนยันไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาในจุดนี้ เนื่องจากทั้งฐานะการเงินการคลังยังมีเสถียรภาพที่ดีมาก และที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังได้ผลักดันในการนำทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ในระดับสูงไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
ทางกระทรวงการคลังยัง ได้เตรียมเสนอแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบผ่านโครงการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์นับจากนี้ และหลังจากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปโดยเร็วที่สุด
สำหรับ แนวทางเบื้องต้น การปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์จะให้เอกชนที่เข้าร่วมโครงการขึ้นทะเบียนกับรัฐ เพื่อให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง และปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนในวงเงินไม่เกิน 1-1.2 แสนบาท ส่วนอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระหว่างการหารือ อาจจะอยู่ในช่วง 32-36% ต่อปี และในส่วนนี้อาจดึงกรมสรรพากรมาดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะเอกชนที่เข้ามาจดทะเบียนถือเป็นนิติบุคคลต้องมีการเสียภาษี แต่จะลดอัตราภาษี ให้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะต้องมีการหารือเพื่อให้ มีการตกผนึกออกมาโดยเร็วที่สุด ทั้งในส่วนจำนวนเอกชนที่จะเข้าร่วม ทุนจดทะเบียนต้องจำกัดไว้เมื่อไหร่ และเมื่อเสนอครม.แล้ว จะประกาศเป็นกฎกระทรวงให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด
"ได้หารือกับ ธปท.เรียบร้อยแล้ว และ ธปท.เห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ ยืนยันว่าโครงการนาโนไฟแนนซ์ไม่ได้เป็นการเพิ่มปัญหาหนี้ให้ครัวเรือนแต่จะเป็นการทดแทนหนี้ครัวเรือนในส่วนที่เป็นหนี้นอกระบบ จะทำให้สถานการณ์ในส่วนนี้ดีขึ้น หนี้ครัวเรือนที่สูงไม่ได้เกิดจากการกู้อย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและหลายๆ ส่วนด้วย ต้องไปดูในรายละเอียด"รมว.คลัง กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้ประสานกับสถาบันการเงินของรัฐให้ปล่อยกู้ผ่านโครงการไมโครไฟแนนซ์ไปแล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ โดยได้ชี้แจงว่า ทำได้ค่อนข้างยาก และเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และทำให้ปัญหาเรื่องหนี้บานปลายมากขึ้น กลายเป็นความเสี่ยง