- Details
- Category: คลัง
- Published: Tuesday, 20 May 2014 22:12
- Hits: 3589
คลังตั้งทีมพยุงเศรษฐกิจสศช.หั่นจีดีพีทั้งปีต่ำสุดเหลือ 1.5% ไตรมาสแรกติดลบ
บ้านเมือง : คลังตั้งคณะทำงานช่วยพยุงเศรษฐกิจ หวังประคองเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้าน สศช.หั่นจีดีพีทั้งปีเหลือ 1.5-2.5% ผวาวิกฤติการเมืองลากยาว ฉุดเชื่อมั่นบริโภค-การลงทุนเอกชนดิ่งเหว จีดีพีไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยติดลบ 0.6% เหตุใช้จ่ายภาคครัวเรือนหด
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานช่วยพยุงเศรษฐกิจ เพื่อประคองเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเมือง โดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นประธาน เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจ และหาทางประคับประคองเศรษฐกิจ โดยใช้เครื่องมือที่รัฐมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่าย
ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้ ที่จะประกอบไปด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สถาบันการเงินของรัฐ (ธปท.) และกรมส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งจะเข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานชุดนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากที่กระทรวงการคลังจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในส่วนที่สามารถเบิกจ่ายได้ โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และการเร่งรัดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเร่งปล่อยสินเชื่อ และติดตามแก้ไขปัญหาลูกหนี้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อย่างใกล้ชิดแล้ว ในส่วนของภาคชนบท ก็จะเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีเงินอยู่ในกองทุนนี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่จะสามารถเบิกจ่ายมากระตุ้นเศรษฐกิจในภาคชนบทได้ด้วย
ขณะที่ในส่วนของเอสเอ็มอีที่ต้องการเงินกู้ เพื่อใช้ในการหมุนเวียนหรือลงทุนนั้น กระทรวงการคลังจะให้ บสย.เข้าไปดูแล ในการช่วยค้ำประกันเงินกู้ในกรณีที่ลูกค้าเอสเอ็มอี มีหลักประกันไม่เพียงพอต่อการกู้ รวมถึงกระทรวงการคลังจะขอให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นำเงินที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท มาอุดหนุนเบี้ยประกันในปีแรกให้กับเอสเอ็มอีที่ขอค้ำประกันเงินกู้จาก บสย. ทั้งนี้คณะทำงานชุดนี้จะมีการประชุมทุกสองสัปดาห์ เพื่อติดตามประเมินผล และปัญหาอุปสรรคของกลไกของรัฐว่าติดขัดตรงจุดไหน เพื่อเข้าไปแก้ไขอย่างรวดเร็ว
นายสมชัย กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ อยู่ที่ 2.6% จากที่เคยประเมินว่าปีนี้จะขยายตัว 4-5% ทั้งนี้ เป็นผลพวงของวิกฤตการณ์การเมืองในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองลากยาวอาจทำให้ปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่า 2% ก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 57 มีแนวโน้มขยายตัว 1.5-2.5% ต่ำกว่าการขยายตัว 3.0-4.0% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 17 ก.พ.57 โดยมีเหตุผล 3 ประการ คือ ปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อกว่าที่คาดไว้เดิม เป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมากกว่าที่เคยคาดไว้ ส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลมีแนวโน้มล่าช้าออกไปและเป็นข้อจำกัดมากขึ้นต่อการดำเนินมาตรการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเบิกจ่ายงบประมาณ และการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี 2558
ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2557 ติดลบ 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และปรับตัวลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ที่ 2.1% โดยเศรษฐกิจไทยที่ติดลบในไตรมาสแรก มาจากการลดลงของการใช้จ่ายภาคเอกชนภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง 3% ผลจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงและระมัดระวัง เพราะวิตกการเมืองในประเทศและการชะลอตัวของฐานรายได้และเศรษฐกิจโดยรวม การลงทุนรวมลดลง 9.8% โดยการลงทุนภาคเอกชนลดลง 7.3% การลงทุนภาครัฐลดลง 19.3% ตามการลดลงของการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ โดยอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 19.1% ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 24%
ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจทำให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุน ประกอบกับมีผลกระทบมาจากการที่ฐานรายได้และเศรษฐกิจโดยภาพรวมชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้จ่ายภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัว 1.8% ในขณะที่การลงทุนภาครัฐหดตัว 5% การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะหดตัว 0.2% การใช้จ่ายภาคครัวเรือน คาดว่าจะขยายตัว 0.8%
ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แต่เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ จึงส่งผลให้ปริมาณการส่งออกของไทยฟื้นตัวช้าและราคาส่งออกลดลง มูลค่าการส่งออกสินค้า คาดว่าจะขยายตัว 3.7% ปรับลดจากการประมาณการครั้งก่อนที่ 5-7%