- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 05 September 2019 18:51
- Hits: 2710
รมว.คลัง บี้รสก.ช่วยกระตุ้นศก. เตรียมเรียก AOT- PTT ถกแผนลงทุนรายตัว
รมว.คลัง วอนรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุน ขับเคลื่อนประเทศ รับเศรษฐกิจโตช้า แต่ยังไม่ถดถอย ด้านหนี้ครัวเรือนล่าสุดที่ 13 ล้านล้านบาท มองไม่น่าห่วง เชื่อส่วนใหญ่เป็นหนี้คุณภาพดี และก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ฝากรสก.เร่งลงทุนกระตุ้นศก. โวมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมั่นใจหนุนจีดีพีปีนี้โต 3% ด้าน สคร.เตรียมเรียก AOT-PTT ถกแผนลงทุนปีงบ 62-63
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเปิดการสัมมนาเพื่อมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจว่า ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ยังมีความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ การทำให้ภายในประเทศแข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการลงทุน ดังนั้น จึงขอรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน เร่งขับเคลื่อนแผนการลงทุนภายในองค์กรให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในการลงทุนต่อไป
สำหรับ กรณีที่มีกระแสข่าว เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ แม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงการคลังจะติดตามใกล้ชิด
“เรายอมรับว่า เราโตช้าลงแต่ยังโต เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ดังนั้น จึงขอให้รัฐวิสาหกิจเร่งขยับแผนการลงทุนให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างวคามมั่นใจให้กับภาคเอกชน ว่าเรายังเดินหน้าการลงทุนตามแผน และขอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงหากมีโอกาสจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมกลุ่มรัฐวิสาหกิจด้วย และหากรัฐวิสาหกิจรายใดมีข้อติดขัด หรือความไม่สะดวกสามารถรายงานได้ ซึ่งเราหวังว่า การลงทุนรัฐวิสาหกิจนั้น จะเป็นแรงสำคัญในการประคองเศรษฐกิจได้ในระยะต่อไป”นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐวิสาหกิจจะต้องเร่งพัฒนา คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการทำงาน รวมถึงการพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเป็นหัวใจของการทำงาน และสิ่งสำคัญคือ การเดินหน้าตามแผนการงาน 5 ปี ของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่มีในปัจจุบัน และให้ประกาศแผนของรัฐวิสาหกิจในด้านการลงทุนว่าจะมีอะไรบ้าง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับเอกชน
นายอุตตม กล่าวถึงตัวเลข หนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับที่ 13 ล้านล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ไม่น่าห่วง แต่กระทรวงการคลังจะไม่ประมาท โดยจะติดตามดูแลใกล้ชิด รวมถึงจะส่งทีมงานลงพื้นที่ เพื่อติดตามว่าหนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นนั้นมาจากส่วนใดบ้าง และมีประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่า หากเป็นหนี้ที่สร้างประโยชน์เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา
“หนี้ครัวเรือนเราไม่กังวล แต่เราก็ไม่ประมาท โดยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็จะติดตามเรื่องนี้ โดยเราเชื่อว่า หนี้ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่กู้ไปทำธุรกิจ ก็ถือเป็นการสร้างประโยชน์จึงไม่น่าจะเป็นหนี้ที่สร้างปัญหาได้ แต่หลังจากนี้ กระทรวงการคลังจะทำโครงการในการช่วยเหลือทั้งการบริหารหนี้ครัวเรือน และการดูแลการก่อหนี้ให้เกิดประโยชน์ด้วย”นายอุตตม กล่าว
ส่วนมาตรการชิม ช้อป ใช้ ที่มีผู้ประกอบการมาลงทะเบียนแค่ประมาณ 2,000 รายเท่านั้น ทำให้กระทรวงการคลังอาจจะพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์บางส่วน แต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และยืนยันว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ขยายตัวมากกว่า 3%
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า หลังจากรับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากนี้ จะเรียกกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพต่อการลงทุน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัทลูกของ ปตท. รวมถึงกลุ่มการไฟฟ้า เข้ามา พูดคุยเป็นรายบริษัท ถึงแผนงานการลงทุนในปีงบประมาณ 2562 รวมถึงแผนการลงทุนในปีงบประมาณ 2563 เพื่อกำชับให้เร่งปรับแผนการลงทุนเพิ่มขึ้น หรือเร่งการใช้งบให้เร็วขึ้น เนื่องจาก ปีหน้าจะมีการลงทุนใหญ่ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และมีงบลงทุนมากกว่าปีงบประมาณ 2562
“การหารือ จะเน้นผลักดันให้รัฐวิสาหกิจมีแผนลงทุนในประเทศ เพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ แต่ในด้านต่างประเทศหากมีแผนอยู่ก็ให้เดินหน้าต่อได้ แต่หากยังไม่มีและต้องการลงทุนจึงอยากให้เน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลักก่อน”นายประภาศ กล่าว
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สคร. กำลังเร่งรัฐวิสาหกิจให้เดินหน้าลงทุน ที่อยู่ในการดูแล 45 แห่ง ให้เร่งลงทุนปีนี้ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงจะมีการหารือแผนการขับเคลื่อนการลงทุนปีหน้า ซึ่งเบื้องต้น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ทำแผนการลงทุนไว้มากกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ระหว่างนี้ ยังต้องรอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป แต่มั่นใจว่า ปีหน้าจะมีการลงทุนมากกว่าปีนี้แน่นอน เพราะปีหน้าจำเป็นที่ต้องใช้รัฐวิสาหกิจในการขับเคลื่อนและลงทุน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย