- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 18 May 2014 23:03
- Hits: 3597
คลังสั่ง'สบน.'ล็อบบี้ 'แบงก์' ยื่นมือช่วยกู้ 6 หมื่นล.ล้างหนี้ค่าข้าว
แนวหน้า : 'ทนุศักดิ์'จี้สำนักงานบริหารหนี้ฯหรือ สบน. ไปเจรจาสถาบันการเงินช่วยปล่อยกู้มาใช้หนี้ค่าข้าวให้ชาวนาอีก หลังจากก่อนหน้านี้ แบงก์ไม่กล้า เพราะกลัวผิดกฏหมาย คาดสิ้นเดือนนี้ได้ข้อสรุป ฝันประมูลเงินกู้ได้สัปดาห์ละ 2 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ได้ครบ 6 หมื่นล้านเพื่อนำไปทยอยจ่ายเกษตรกรได้ ขณะที่ ธ.ก.ส.เชื่อหากเจรจาไม่สำเร็จ การจ่ายเงินคืนยาวไปถึงต้นปีหน้า
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.คลัง ในฐานประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ถึงเรื่องจัดหาแหล่งเงินที่จะนำมาจ่ายให้กับชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนที่เหลือ 700,000 ราย เป็นเงินที่ค้าง 80,000 ล้าน
อย่างไรก็ดีคาดว่ายอดเงินที่ สบน.ต้องหาแหล่งเงินกู้อยู่ที่กว่า 60,000 ล้านบาทเท่านั้น เพราะในสิ้นเดือนพฤษภาคม2557จะมีเงินจาก กองทุนช่วยเหลือชาวนาที่ธ.ก.ส.ตั้งขึ้นเข้ามาอีก 10,000 ล้านบาท บวกกับเงินที่ได้จากการระบายข้าวของ กระทรวงพาณิชย์อีก 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ยอดค้างชำระเหลือประมาณ 60,000 ล้านบาท
ในการหาหรือครั้งนี้ได้เร่งให้ สบน.ไปเข้าทำความเข้าใจกับสถาบันการเงินต่างๆ ให้มาปล่อยกู้ หากสถาบันการเงินมีความกังวลหรือติดขัดในเรื่องใด ก็ให้เข้าชี้แจงหาข้อยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ เชื่อว่ากระบวนการหาข้อยุติจะเสร็จสิ้นได้ภายในเดือนพฤษภาคม2557 นี้
“สิ้นเดือนนี้ต้องจบว่าจะกู้ได้หรือไม่ สบน. ต้องตอบได้ว่าสถาบันการกังวลใจเรื่องอะไร เพราะ ครม. มีมติไปแล้ว ที่ผ่านมาเราใช้บริการกับ ธ.ก.ส.หนักพอสมควรแล้ว ในฐานะที่ผมรับหน้าที่ดู ในช่วงเวลาต่อไปอยากให้ กระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็น สบน.เข้ามาทำภารกิจของตัวเองให้มากกว่านี้ ทุกวันนี้เหมือนยืนดูปล่อยให้ธ.ก.ส.ทำอย่างเดียว อยากจะขอความร่วมมือเข้ามาช่วยกับ ธ.ก.ส.มากกว่าที่เป็นอยู่”
นายทนุศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นี้ จะเรียกทุกส่วนราชการมาหารือ โดยแบ่งเป็นการประชุมหารือกับหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมที่เกี่ยวกับภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร รวมทั้ง สบน. ส่วนในช่วงบ่ายจะเป็นการหารือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง เพื่อขับเคลื่อนการทำงานของ กระทรวงการคลัง ให้เดินหน้า
ด้าน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ในการกู้เงินสามารถนำมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 และ มติ ครม. เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ที่เปิดวงเงินกู้ไว้ 1.3 แสนล้านบาท มารองรับการเปิดประมูลการกู้เงินใน โครงการรับจำนำได้ ทั้งนี้ ถ้า สบน. สามารถหาข้อยุติว่าสถาบันการเงินจะปล่อยกู้ได้ คาดว่า สบน. จะสามารถเปิดประมูลเงินกู้โครงการจำนำข้าวได้สัปดาห์ละ 2 หมื่นล้านบาท หรือใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ก็จะกู้ครบ 6 หมื่นล้านบาท เพื่อทยอยจ่ายเกษตรกรได้
ขณะที่ แหล่งข่าวจาก ธ.ก.ส. กล่าวว่า หาก สบน.ไม่สามารถหาแหล่งเงินกู้ เพื่อมาจ่ายชาวนาได้จริงๆ ก็จะทำให้การจ่ายเงินคืนชาวนาที่ค้างอยู่กว่า 8 หมื่นล้านบาท มีระยะเวลาใช้คืนนานออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรืออาจจะถึงต้นปีหน้าเลย เนื่องจากที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวส่งมาเพียงเดือนละ 8,000 ล้านบาทเท่านั้น และเมื่อรวมกับเงินที่ได้มาจากกองทุนเพียงไม่เท่าไหร่ ทำให้ต้องอยู่ที่กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้มาให้ได้ เพราะขณะนี้ชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้โครงการนี้ เพราะมองว่ามีความเสี่ยง หากการกู้นั้นผิดกฎหมาย เพราะขณะนี้รัฐบาลเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการเท่านั้นการกู้เงินก้อนใหม่จะทำได้หรือไม่
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า หาก กระทรวงพาณิชย์ มีความต้องการที่จะขอยืมเงินงบกลางอีกจำนวน 2 หมื่นล้านบาทไปจ่ายค่าข้าว ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเงินคงคลัง เนื่องจากขณะนี้เงินคงคลังที่มีอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งยังสูงพอที่จะบริหารจัดการอยู่ โดยในขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ระบายข้าวคืนเงินงบกลางที่ยืมมาครบ 2 หมื่นล้านบาทแล้ว
พาณิชย์เล็งยืมเงิน'คลัง'ใช้หนี้จำนำข้าว
แนวหน้า : นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ได้คืนเงิน 20,000 ล้านบาท ให้กับกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้มีการกู้ยืมเงินงบกลางมาเพื่อจ่ายชำระค่าจำนำข้าวให้ชาวนา และมีกำหนดจ่ายคืนภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 นี้ แต่ก็สามารถคืนเงินได้ก่อนกำหนด ส่วนเงินกู้ยืมรอบใหม่ คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาล
ขณะที่ นายยรรยง พวงราช รักษาการ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่15 พ.ค. 2557 มีการเปิดประมูลข้าวผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท) ครั้งที่ 11 ปริมาณกว่า 220,174 ตัน โดยมีเอกชนสนใจเข้าร่วมการประมูล 18 ราย เป็นผู้ยื่นเสนอซื้อข้าวขาว 5% ทั้งหมดจำนวน 139,799 ตัน ในขณะที่มีผู้ยื่นเสนอซื้อข้าวหอมมะลิในปริมาณ 4,000 ตัน จากที่เปิดให้ประมูล 80,375 ตัน ซึ่งการที่มีผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวนมาแสดงให้เห็นถึงความต้องการข้าวในตลาดยังอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่ราคาส่วนต่างที่เสนอซื้อเข้ามาก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ราคาเสนอซื้อข้าวขาว 5% อยู่ที่ -2.04 ถึง -3.88 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาข้าวหอมมะลิอยู่ที่ -4.70 ถึง -4.80 บาทต่อกิโลกรัม ณ วันที่ส่งมอบ
ทั้งนี้ ยังยืนยันว่าการประมูลข้าวผ่านเอเฟท ไม่ได้กระทบต่อการระบายข้าวของกระทรวงด้วยวิธีการอื่นอย่างกระประมูลเป็นการทั่วไป และไม่ได้เป็นเหตุผลทำให้ข้าวราคาตกต่ำ เพราะการประมูลผ่านเอเฟทเป็นการประมูลในปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการเปิดประมูลแบบทั่วไป
“เชื่อว่า ตอนนี้ราคาข้าวในตลาดโลกน่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวแล้ว ไม่น่าจะลดลงไปอีก และราคาข้าวในระดับนี้การส่งออกข้าวไทยให้เป็นอันดับ 1 ของโลกก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่เป็นผลดีเพราะจะขายได้ในปริมาณที่มากแต่มูลค่าไม่น่าพอใจเท่าไหร่”
โดยในความเห็นส่วนตัวก็มองว่าในช่วงที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินมาจ่ายให้ชาวนาและใช้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าว หากมีผู้เสนอราคามาต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ 5-10 เหรียญสหรัฐ ก็ควรระบายไปก่อน หากเป็นปริมาณที่ระบายไม่ใช่จำนวนที่มากเกินไป
ส่วนนโยบายข้าวไทยจะเป็นอย่างไร อาจต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามารับหน้าที่ปฎิบัติงาน ส่วนการช่วยเหลือชาวนา ก็จะมีวิธีการแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละรัฐบาล