- Details
- Category: คลัง
- Published: Wednesday, 24 October 2018 12:48
- Hits: 8242
กรมบัญชีกลางเร่งเครื่องเพิ่มเงินชดเชย - ออมเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย
กรมบัญชีกลาง เร่งเครื่องมาตรการชดเชยเงินจากภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีรายได้น้อย พร้อมขยายเวลาการรับสมัครร้านธงฟ้าประชารัฐถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 สนใจสมัครหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระว่าขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างเปิดรับสมัครร้านธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 3,000 ร้านค้า และมีร้านธงฟ้าประชารัฐ กว่า 1,300 ร้านค้า สมัครเข้าร่วมมาตรการดังกล่าวแล้ว ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ส่งข้อมูลร้านค้าให้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เตรียมติดตั้งอุปกรณ์เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point of Sale : POS) แล้ว และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับร้านค้าที่สนใจแต่ยังไม่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ จึงได้ขยายวันปิดรับสมัครจากเดิม ในวันที่ 15 ตุลาคม เป็นวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ร้านค้าที่มีที่ตั้ง ในเขต กทม. สมัครได้ที่กรมบัญชีกลาง ส่วนในต่างจังหวัด สมัครได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ
สำหรับ การติดตั้งเครื่อง POS นั้น เมื่อกรมบัญชีกลาง/สำนักงานคลังจังหวัด ได้รับข้อมูลการสมัครและบันทึกข้อมูลร้านค้าที่จะติดตั้งเครื่อง POS เข้าระบบเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะส่งข้อมูลดังกล่าว ให้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการติดตั้งเครื่อง POS ให้กับร้านค้าที่สมัครเข้ามาก่อน ภายใน 15 วัน นอกจากนี้จะติดสติ๊กเกอร์ไว้ที่หน้าร้านค้าเพื่อแสดงว่าเป็นร้านที่เข้าร่วมโครงการอีกด้วย ที่สำคัญร้านค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแต่อย่างใด และเนื่องจากขณะนี้มีมิจฉาชีพได้แอบอ้างและติดต่อไปยังร้านธงฟ้าประชารัฐเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่อง POS ขอให้อย่าหลงเชื่อ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่กรมบัญชีกลางและสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ
หากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านค้าเอกชนอื่นที่สนใจเข้าร่วมมาตรการนี้ ก็สามารถสมัครได้ โดยร้านค้าที่ยังไม่มีเครื่อง POS จะต้องลงทุนในการติดตั้งเครื่องเองก่อน และแจ้งความประสงค์มาที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด ส่วนร้านค้าที่มีเครื่อง POS อยู่แล้ว ก็ให้แจ้งความประสงค์มาที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัดได้เช่นเดียวกัน เพื่อรวบรวมข้อมูลของร้านค้าส่งให้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ทดสอบการรับส่งข้อมูลต่อไป
มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บมจ. ธนาคารกรุงไทย จะเริ่มดำเนินการคัดแยกข้อมูลภาษีเมื่อผู้มีสิทธิได้ชำระราคาสินค้าหรือบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 - 30 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นการใช้จ่ายจริงผ่านบัตรในแต่ละเดือน โดยแบ่งออก เป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1) ร้อยละ 1 จะกันไว้เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 2) ร้อยละ 6 จะจำแนกออกเป็น 2.1 ร้อยละ 5 เพื่อนำไปใช้จ่ายเงิน ในส่วนนี้จะโอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e - Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.2 ร้อยละ 1 เพื่อการออม เมื่อรวมกันทั้งสองส่วนแล้วต้องไม่เกิน 500 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเงินชดเชยดังกล่าวกรมบัญชีกลางจะโอนให้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากตรงกับวันหยุดจะเลื่อนเป็นวันทำการก่อนวันหยุด
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า สำหรับการออมของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน กรมบัญชีกลางจึงได้เชิญผู้แทนจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ประชุมร่วมกัน ซึ่งได้ข้อสรุปว่ากรมบัญชีกลางจะตรวจสอบฐานข้อมูลของระบบ e - Social Welfare ก่อนจะส่งข้อมูลให้กับธนาคารต่อไป และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชีธนาคารให้กับผู้มีรายได้น้อย โดยไม่ต้องไปติดต่อที่ธนาคารซึ่งการดำเนินการผ่อนคลายเงื่อนไขนี้ กรมบัญชีกลางได้หารือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยแล้ว ซึ่งในกรณีนี้ธนาคารสามารถเปิดบัญชีให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามที่กรมบัญชีกลางจะส่งข้อมูลให้ได้ก่อน โดย ธ.ก.ส. จะเปิดบัญชีให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มีอาชีพเกษตรกร และลูกจ้างภาคเกษตรกรรม (รับจ้างทำนา ทำสวน กรีดยาง) ส่วนธนาคารออมสินจะเปิดบัญชีให้กับผู้มีรายได้น้อยในอาชีพอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป
สำหรับ เงื่อนไขในการออมมี 3 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 เป็นสมาชิก กอช. อยู่แล้ว กรมบัญชีกลางจะโอนเข้าบัญชี เงินฝากที่ได้เปิดไว้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป กรณีที่ 2 ยังไม่เป็นสมาชิก กอช. แต่มีคุณสมบัติในการสมัคร กรมบัญชีกลางจะโอนเข้าบัญชี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเช่นเดียวกัน และจะแจ้งให้ กอช. รับสมัครเป็นสมาชิกต่อไปซึ่งต้องรวบรวมเงินให้ครบ 50 บาท ก่อนจึงจะโอนเงินเข้าบัญชีรายตัวเช่นเดียวกันทั้งสองกรณี โดยมีอัตราผลตอบแทนและการถอนเงินเป็นไปตามเงื่อนไขของ กอช. และ กอช. จะส่ง Statement ให้สมาชิกเพื่อตรวจสอบเงินออม ปีละ 1 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ กรณีที่ 3 หากเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิก กอช. เงินออมดังกล่าวจะถูกสะสมไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีรายได้น้อยที่ ธ.ก.ส./ธนาคารออมสิน โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม และห้ามถอนออกเป็นระยะเวลา 3 ปี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย