- Details
- Category: คลัง
- Published: Monday, 15 September 2014 19:52
- Hits: 2869
จ่อใช้เวทีอาเซียนดึงเชื่อมั่นสบน.เล็งชงขุนคลังป้ายแดงออกพันธบัตร 100 ปี
บ้านเมือง : นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสในการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซม (Asia-Europe Finance Ministers'Meeting : ASEM FinMM) ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 ณ นครมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ชี้แจงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาลไทยแก่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจากประเทศสมาชิกอาเซม ทั้งจากฝ่ายยุโรปและเอเชีย รวม 49 ประเทศ ให้เชื่อมั่นในแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ 3 ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีเป้าหมายในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่แข็งแกร่งและสร้างความปรองดองในชาติ และจะจัดให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมในปี 2558
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้อธิบายถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่า หลังจาก คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศ สถานการณ์ในประเทศได้มีความสงบสุขและมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2557 ซึ่งถือเป็นการดำเนินการในระยะที่ 2 ของยุทธศาสตร์การบริหารประเทศดังกล่าว โดยได้มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเตรียมจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดองในระยะยาว
นายสมหมาย ได้เน้นย้ำถึงนโยบายของประเทศที่ยึดมั่นในระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและเสรี และมุ่งเน้นการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนอย่างมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ยังชักจูงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกอาเซม ตลอดจนสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศให้พิจารณาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยและของภูมิภาคเอเชีย เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุน และพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยได้ย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน (Public-Private Partnerships: PPPs) ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการคลังและเสริมสร้างประสิทธิภาพให้มากขึ้น
ด้าน น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ สบน.ประชุมหารือแบบหลายฝ่ายเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับตราสารหนี้ และความต้องการของนักลงทุน (Market Dialogue) ระหว่าง สบน. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และผู้ร่วมตลาดตราสารหนี้นั้น สบน. จะนำเรื่องพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์) 100 ปี (Century Bond) เข้าไปเสนอต่อนักลงทุน เพื่อดูว่านักลงทุนมีความสนใจบอนด์อายุยาวขนาดนี้หรือไม่ และหากมีความต้องการวงเงินที่ควรจะออกควรเป็นเท่าไร
"บอนด์ 100 ปีจะเป็นเครื่องมือใหม่ระดมเงินใหม่ล่าสุด ที่ สบน.จะผลักดันให้เข้ามากระตุ้นตลาดการเงิน สบน.มีความพร้อมที่จะออกบอนด์ 100 ปี มากพอสมควรหลังจากศึกษาเรื่องนี้มานานหลายปี โดยกำลังหารือกับทีมงาน สบน.ว่าจะเสนอให้นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาหลังจากนายสมหมายระบุว่าควรจะมีเครื่องมือในการระดมเงินภาครัฐใหม่ๆ ออกมาหลังนายสมหมายมาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"น.ส.จุฬารัตน์ กล่าว
น.ส.จุฬารัตน์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบัน สบน.ออกบอนด์อายุตั้งแต่ 3-5-7-10-15 และ 20 ปี และยาวที่สุดคือ 50 ปี โดยเป็นตราสารหนี้ภาครัฐที่ใช้เป็นตราสารหนี้อ้างอิง (Benchmark Bond) โดยกลุ่มที่ซื้อตั๋วบอนด์อายุยาวๆ คือกลุ่มของบริษัทประกันภัย กองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ สถาบันการเงิน และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 70% บอนด์ 50 ปีนั้นมีการออกมาแล้ว 3 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและมีวงเงินรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะให้บอนด์ 100 ปีอยู่ในกลุ่มตราสารหนี้อ้างอิงหรือไม่ เพราะถ้าอยู่ในกลุ่มนี้ต้องออกหลังจากนี้เป็นประจำและมีระยะเวลาการออกที่แน่นอน หรือจะให้เป็นตราสารหนี้ที่สร้างภาพลักษณ์และเพื่อความมั่นคง ถ้าเป็นกลุ่มนี้ไม่ต้องออกบ่อย
อย่างไรก็ตาม สบน. ยังคงมีความหวังว่าจะได้เห็นบอนด์ 100 ปีในปีงบ 2558 เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทาง สบน.เคยผลักดันพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ หรือพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation Linked Bond) จนสำเร็จมาแล้ว และกว่าที่จะออกพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อได้ก็พูดถึงกันนานกว่า 4-5 ปีจึงสำเร็จ ซึ่งการออกบอนด์ 100 ปีนั้นสามารถมาเอามาเป็นเครื่องมือสำหรับระดมเงินมาชดเชยขาดดุลที่ปีนี้ต้องกู้ 2.5 แสนล้านบาท หรือจะนำมากู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาทก็ได้
"คงต้องดูถึงความเหมาะสมในการออกบอนด์ 100 ปี รวมถึงกลุ่มที่จะมาซื้อนอกจากกลุ่มประกันที่เรียกร้องให้ออกแล้ว กลุ่มอื่นยังสนใจหรือไม่ และสามารถออกบอนด์ในวงเงินเท่าไหร่ รวมถึงต้องพิจารณาดอกเบี้ยเปรียบเทียบกับบอนด์ที่ออกอายุต่างๆ ในขณะนี้จากปัจจุบันต้นทุนการกู้เงินของ สบน.เฉลี่ยที่ 4.1% ลดลงจากในอดีตที่เคยอยู่ที่ 7-8% โดยบอนด์อายุ 50 ปีมีดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.34%"น.ส.จุฬารัตน์ กล่าว