- Details
- Category: คลัง
- Published: Sunday, 05 August 2018 14:22
- Hits: 1728
คุ้มครองเงินฝากฐานะปึ้ก มั่นใจ 1.2 แสนล.เพียงพอดูแลบัญชีประชาชน
ไทยโพสต์ : ราชประสงค์ * คลังฟุ้งแบงก์ติดเครื่องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก ดันสถานะปึ้ก 1.2 แสนล้านบาท เพียงพอดูแลบัญชีเงินฝากประชาชน แจง 11 ส.ค.นี้ ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 10 ล้านบาทต่อบัญชี ไม่กระทบความเชื่อมั่นประชาชน ชี้เศรษฐกิจไทยแน่นปึ้ก
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.การคลัง กล่าวปาฐกถา พิเศษ หัวข้อ "ก้าวสู่ทศ วรรษแห่งความเปลี่ยน แปลงทางเศรษฐกิจและการเงินไทย" ในงานครบ รอบ 10 ปี สถาบันคุ้ม ครองเงินฝาก (สคฝ.) ว่า ปัจจุบันสถานะของกองทุนคุ้มครองเงินฝาก อยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอระดับหนึ่งที่จะดูแลบัญชีเงินฝากของประชาชนกรณีที่สถาบันการเงินระดับกลางเกิดปัญหา แต่หากเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ต้องเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และกอง ทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงินเข้ามาดูแล เพราะอาจมีผล กระทบกับภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศได้
นอกจากนี้ ในวันที่ 11 ส.ค.2561-10 ส.ค.2562 จะมีการปรับลดวง เงินในการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 10 ล้านบาทต่อบัญชี และในวันที่ 11 ส.ค.2562 - 10 ส.ค.2560 จะลดเหลือ 5 ล้านบาทต่อบัญชี ส่วนวันที่ 11 ส.ค.2563 เป็นต้นไป จะปรับลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชี เชื่อว่าการปรับลดวงเงินการคุ้มครองดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบ โตได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นแม้จะมีการปรับลดวง เงินคุ้มครองเงินฝากลงก็ ไม่ส่งผลกระทบอะไร สถาน การณ์ทุกอย่างจะเป็นปกติ
"เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น โดยได้มีบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่ง สคฝ.เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2551 ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดูแลเงินฝากว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจอีก ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากทั้งสิ้น 75 ล้านบัญชี มีเงินฝากรวม 12.8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ของจีดีพี โดยเงินฝากถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้มีความมั่นคง ซึ่งเรามั่นใจว่าไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดีพอกว่าเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ในการรับมือหากเกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจ" นายวิสุทธิ์กล่าว
นายสาทร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากยังไม่ส่งผลกระทบให้เกิดการโยกย้ายบัญชีเงินฝากจนมีนัยสำคัญ หรือผิดปกติ โดย ยอมรับว่าอาจจะมีการโยกย้ายบัญชีเงินฝากบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่เล็กน้อยเท่านั้น โดยปัจจุบันมีบัญชีเงินฝาก 10 ล้านบาท ที่ได้รับการคุ้มครอง 98% ขณะที่บัญชีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท อยู่ที่ 98.2% โดยจะมีเพียง 1% เท่านั้นที่จะได้รับการคุ้มครอง โดยได้รับเงินคืนไม่เต็มวงเงินกรณีสถาบันการเงินมีปัญหา
"ตอนนี้ เราได้มีการติด ตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ก็พบว่ายังไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝาก แม้ว่าจะใกล้ถึงวันปรับลดวงเงินการคุ้มครองเหลือ 10 ล้านบาทต่อบัญชี"นายสาทรกล่าว.
รมช.คลัง มั่นใจสถานะกองทุนคุ้มครองเงินฝากแข็งแกร่งเพียงพอดูแลเงินฝากประชาชนในกรณีสถาบันการเงินมีปัญหาได้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘ก้าวสู่ทศวรรษแห่งความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเงินไทย’ ในงานครบรอบ 10 ปี สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ว่า ปัจจุบันสถานะของกองทุนคุ้มครองเงินฝาก อยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอระดับหนึ่งที่จะดูแลบัญชีเงินฝากของประชาชนกรณีที่สถาบันการเงินระดับกลางเกิดปัญหา แต่หากเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ต้องเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้ามาดูแล เพราะอาจมีผลกระทบกับภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศได้
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.61-10 ส.ค.62 จะมีการปรับลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 10 ล้านบาทต่อบัญชี จากนั้นในวันที่ 11 ส.ค.62-10 ส.ค.63 จะลดเหลือ 5 ล้านบาทต่อบัญชี และตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.63 เป็นต้นไป จะปรับลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชี โดยเชื่อว่าการปรับลดวงเงินการคุ้มครองดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นแม้จะมีการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร สถานการณ์ทุกอย่างจะเป็นปกติ
"เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น โดยมีบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่ง สคฝ. เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2551 ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดูแลเงินฝากว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจอีก ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากทั้งสิ้น 75 ล้านบัญชี มีเงินฝากรวม 12.8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ของ GDP โดยเงินฝากถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้มีความมั่นคง ซึ่งเรามั่นใจว่าไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดีพอมากกว่าเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาในการรับมือ หากเกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจ" รมช.คลังกล่าว
พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศเติบโตได้ในระยะยาว โดยได้มีการบรรจุเรื่องการปฏิรูปภาคการเงิน ด้วยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินให้มีความทันสมัยและเป็นสากล โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพในการสร้างแพลตฟอร์มทางการเงินของประเทศใหม่ มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวก และลดต้นทุนทางการเงินให้กับประชาชนและเอกชน จึงเป็นที่มาของโครงการ National e-Payment และระบบพร้อมเพย์ ซึ่งปัจจุบันมีการลงทะเบียนใช้งานถึง 42.6 ล้านบัญชี มียอดการทำธุรกรรมรวมกว่า 334 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท ไปจนถึงการเร่งติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) โดยในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีการติดตั้งเครื่อง EDC แล้ว 5.2 แสนเครื่อง
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการของผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านคน ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท เหล่านี้ถือเป็นยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของกระทรวงการคลัง
"หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ระดับ 4-5% ต่อเนื่อง จะใช้เวลาประมาณ 10-12 ปี ในการหลุดจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ดังนั้นรัฐบาลจึงได้วางยุทธศาสตร์ประเทศ ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 โดยการผลักดัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศในอนาคต รวมทั้งได้พัฒนาโครงการระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับโครงการลงทุนต่าง ๆ ด้วย" นายวิสุทธิ์ กล่าว
ด้านนายสาทร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการ สคฝ. ยืนยันว่า การปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากยังไม่ส่งผลกระทบให้เกิดการโยกย้ายบัญชีเงินฝากจนมีนัยสำคัญหรือผิดปกติ แต่ยอมรับว่าอาจจะมีการโยกย้ายบัญชีเงินฝากบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่เล็กน้อยเท่านั้น โดยปัจจุบันมีบัญชีเงินฝาก 10 ล้านบาท ที่ได้รับการคุ้มครอง 98% ขณะที่บัญชีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท อยู่ที่ 98.2% โดยจะมีเพียง 1% เท่านั้นที่จะได้รับการคุ้มครอง โดยได้รับเงินคืนไม่เต็มวงเงินกรณีสถาบันการเงินมีปัญหา
"ตอนนี้เราได้มีการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ก็พบว่ายังไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝาก แม้ว่าจะใกล้ถึงวันปรับลดวงเงินการคุ้มครองเหลือ 10 ล้านบาทต่อบัญชี" นายสาทร กล่าว
อินโฟเควสท์