- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 07 June 2018 09:32
- Hits: 2582
สบน. ร่วมกับ ADB จัดประชุมนานาชาติ ตั้งเป้าสร้างเครือข่ายด้านการบริหารหนี้สาธารณะ ในยุคดิจิตัลกับ 48 ประเทศ APAC
นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รายงานว่า กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ มีกำหนดจัดการประชุม “2018 Asian Regional Public Debt Management Forum” ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ในระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2561 ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งจะมีผู้แทนจาก 48 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จำนวนกว่า 180 คน จากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ธนาคารกลาง องค์การระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Prudent Debt Management for Sustainable Growth in the age of Digital Transformation” ซึ่งจะเป็นเวทีที่ทำให้ผู้แทนจากประเทศต่างๆ ได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการหนี้สาธารณะร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ของนานาประเทศ นำไปสู่การร่วมกันกำหนดมาตรการการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการปรับตัวในยุคดิจิตัลที่ต้องผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน อาทิ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ Big Data หรือระบบ Block Chain เป็นต้น โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะรวมถึงการหารือเกี่ยวกับแนวทางการเฝ้าระวังผลกระทบและการจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็วซึ่งอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ADB จัดการประชุม Asian Regional Public Debt Management Forum ร่วมกับประเทศสมาชิกเป็นประจำทุกปี โดยประเทศไทยเคยได้รับเกียรติร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว เมื่อปี 2011 ณ จังหวัดภูเก็ต นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี กว่าที่โอกาสจะเวียนมาถึงประเทศไทยอีกครั้งในปี 2018 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะได้แบ่งปันประสบการณ์และแสดงศักยภาพด้านการบริหารจัดการทางการเงินการคลังให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล และร่วมกันผลักดันให้เกิดความร่วมมือทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ต่อประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย